tp:=18/12/46 .. รวมข้อความจากเล่ม 08 tg:= op:=22 ก.ย. 43 ที่น่าขำคือ เราไปถึงหอกลางราวๆ 8 โมง 10 นาที หอกลางเพิ่งเปิดได่ไม่กี่นาทีเองนะ ปรากฏว่าจองหมดแล้วทุกโต๊ะทุกคอก ทั้งที่เขาห้ามจอง มีแต่คนเอาของมาวางทิ้งไว้ แล้วหายตัวไป.. พี่กล้าบอกว่า มารอตั้งแต่เช้ารอเขาเปิดบริการ ฮามาก คนแย่งกันยังกับซื้อของลดราคาแน่ะ แย่งกันขึ้นลิฟต์ คนไม่ได้ลิฟต์ก็วิ่งขึ้นบันไดกันเลย โอ้โห ทำไมหอกลางมันฮิตอ่านหนังสือสอบกันขนาดนี้.. 10 ต.ค. 43 ช่วงกินเจผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว วันนี้ได้ความรู้ใหม่จากรายการทีวี เจ (ภาษาจีน) แปลว่า กินแต่พืชผัก มังสวิรัติ (ภาษาบาลี) แปลว่า ไม่กินเนื้อสัตว์ สองอย่างนี้ต่างกันก็ตรงที่ว่า นอกจากเนื้อสัตว์กับผักแล้ว ยังมีนม เนย ไข่ ฯลฯ อีก ซึ่งมังสวิรัติไม่ได้ห้ามเลย.. 14 ต.ค. 43 ไปดูประกวดเนสกาแฟ โอเพ่นอัพ มิวสิคชาเลนจ์ รอบชิงชนะเลิศ 12 วงสุดท้าย ที่เดอะมอลล์บางกะปิ วงพีโอพี มาเล่นช่วงรอผลตัดสิน รู้สึกว่าเล่นสู้ 12 วงไม่ได้เลย แถมร้องก็ไม่ดีอีก เนื้อเพลงไม่คล่อง แล้วก็มัวแต่ฮึมเบบี้ คัมมอน ยูอาร์มายแองเจิ๊นฯลฯ บ่อยเกินเหตุด้วย.. ทุกท่อนทุกเพลง เล่นเอาเซ็งเลย กรรมการงานนี้ประมาณว่า นันทนา บุญหลง, ผุสชา, มีศักดิ์, ต๋อง เทวัญ, เอลวิสเมืองไทย, ประธานชมรมแผ่นเสียงไทย.. อะไรอย่างเงี้ย.. ดูท่าทางแล้ว เล่นเพลงของดรีมเธียเตอร์ไปก็ไร้ค่า หัดร้องเพลงประสานเสียงมา ดูท่าจะเวิร์คกว่า! 17 ต.ค. 43 ซื้อตั๋วรถปรับอากาศชั้น 1 จากสถานีขนส่งหมอชิต2 ไปผานกเค้า จังหวัดเลย คนละ 281 บาท ความแตกต่างระหว่างรถ ป.1 กับ ป.2 คือ ขั้น 1 รถจะใหม่กว่า มีห้องน้ำบนรถ นั่งสบาย และมีอาหารว่างให้ ในขณะที่ชั้น 2 นอกจากจะไม่มีอะไรเลยแล้ว ยังไม่มีเบอร์ที่นั่งด้วย ถ้าใครขึ้นทีหลังก็ต้องยืนทรหดข้ามจังหวัดกันเลย.. ขายตั๋วไม่อั้น ข้ามมาย่อหน้านี้เราก็ถึงท่าจอดรถ ที่บ้านผานกเค้าแล้ว บ่ายโมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทาง 7 ช.ม. พอดีเป๊ะ ลงรถปุ๊บก็มีอาซิ้มคนนึงเดินเข้ามาหาพวกเรา ... ไปภูกระดึงใช่มั้ยนี่ ไป ไป แวะพักอาบน้ำอาบท่ากินข้าวให้หายเหนื่อยก่อน เอ้าเข้าร้านเลย ร้านเจ๊กิมเนี่ย ไป ไป เดี๋ยวค่อยต่อสองแถว จอดรออยู่นี่แล้ว ... เราได้ยินมาว่าขึ้นเขาต้องเดินนาน อาจไม่ทันมืดเอา ถามป้าคนนี้ว่า เขาให้ขึ้นได้ถึงกี่โมง ไดรับคำตอบว่าบ่ายสาม ก็เลยยอมนั่งพักกินข้าว ร้านเจ๊กิม กันก่อน จากนั้นก็นั่งสองแถวไปอีก 15 กิโล.. ถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ค่าโดยสารรถสองแถว โดนไปอีกคนละ 20 บาท ขณะนั้นเวลา บ่ายสองโมงสิบนาที เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่ทันแล้ว เราให้ขึ้นได้ถงบ่ายสองเท่านั้น อ้าว แล้วไหนเจ๊กิมบอกได้ถึงบ่ายสาม เจ้าหน้าที่ว่า สมัยก่อนให้ถึงสี่โมงเย็นด้วยซ้ำ แต่คนขึ้นกันไม่ทัน มืดกลางทาง มันก็อันตราย สรุปว่าคืนนี้ให้พักกันข้างล่าง ตรงบริเวณแคมป์ไฟละกันนะ ทุกคนแค้นเจ๊กิมกันใหญ่ ฮึ่มๆๆ มึงหลอกพวกกูแวะกินข้าว.. ประมาณนี้.. นี่เป็นความประทับใจแรกที่มีต่อคนแถวนี้เหรอเนี่ย 20 ต.ค. 43 ลงจากภู กลับมาถึงร้านเจ๊กิม ไม่มีใครโกรธว่าหลอกเราวันแรกแล้ว เพราะรู้ว่าถ้าขึ้นไปจริงๆ ละก็คงมืดกลางทางชัวร์ ขนาดวันที่สองเราเดินขึ้นไปกันตั้งแต่แปดโมงครึ่ง แบกของกันไปเอง แวะพักตลอดเวลา ทุกจุดที่พักได้ ไปถึงบนภูเอาเกือบบ่ายสอง เดินกันห้าชั่วโมงกว่า.. แล้วยังต้องเดินทางราบไปยังที่พักอีก ไปถึงบ่ายสามครึ่ง หมดเวลาไปอีกวัน ฮ่าๆๆๆ.. กลับถึงกรุงเทพ ปวดขา ปวดไหล่ แสบหลังคอ น้ำหนักขึ้นสองกิโล ไหนเขาว่าน้ำหนักจะลดไง 30 ต.ค. 43 หลายวันก่อน คิดได้ว่าเคยทำเพลง นิทานหิ่งห้อย ของเฉลียง เป็นแบบกล่องดนตรี (มิวสิคบ๊อกซ์) ซึ่งก็เป็นเพลงแรกในชีวิต และก็เป็นเพลงที่ฟังดูโอเคด้วย ก็เลยรู้สึกว่า น่าจะถึงเวลาเอาให้คนอื่นฟังแล้ว เก็บไว้เองก็เท่านั้น.. วันนี้เข้าเว็บ ไทยมุงดอทคอม ของพี่จิก ประภาส เอาเพลงนี้ไปแปะไว้ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้รับคำชม หรือด่าว่ามาโฆษณาอะไร.. กันแน่.. ถ้าไม่ติดงานอะไร คงจะไปดูคอนเสิร์ตเฉลียง เรื่องราวบนแผ่นไม้ ต้นเดือนธันวาคมนี้.. 1 พ.ย. 43 นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้ามีดวงเปิดร้านอาหาร เราจะทำเฉพาะอาหารที่ผสมผสานไอเดียแปลกใหม่ ที่มันเข้ากันได้ อย่างเช่น - มาม่าต้มข่าไก่ - วุ้นเส้นติดไข่ - ยำมะกะโรนี - สปาเก๊ตตี้เส้นขนมจีน - ขนมจีนแกงส้มปลาช่อน 8 พ.ย. 43 จอนกิดขับรถไปซื้อกีตาร์ด้วย ไปกันหลายคน มีพี่อั้มไปช่วยเลือกให้ ซื้อร้านอ๋องกีตาร์อีกแล้ว ได้มาคนละตัวกับจอนกิด เป็นกีตาร์โฟล์คี่ห้อฟาสเตอร์ รุ่นเดียวกัน สองพันหกร้อยบาท พร้อมปิ๊กอัพอีกสี่ร้อย 10 พ.ย. 43 เกิดปัญหาตกลงกันไม่ได้ในกรุ๊ปบี เรื่องทริปอีกแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องจัดจริงๆ --พวกเขา-- คนจัด อยากให้เก็บเงินคนละพัน แต่พวกเราอยากให้เก็บน้อยๆ เพราะช่วงนี้เสียค่าหนังสือไปเยอะ คิดดูแล้วว่าเก็บห้าร้อยก็ยังเหลือเฟือ ก็มีเงินจาการขายสมุดอยู่นี่.. มันคิดแต่ว่า เงินจากการขายสมุด พวกเราไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ดีนะที่เราได้ช่วยทำกราฟิกให้ลายนึงน่ะ ไม่งั้นโดนอีก) เขามีเหตุผลดีดี ในการขอคนละพัน - กรุ๊ปข้างเคียงเก็บตั้งพันสอง (เกี่ยวกันไหม) - กรุ๊ปอื่นเที่ยวห้าหมื่น เราเที่ยวสามสี่หมื่นก็ถูกน่าดูแล้ว (แล้วทำไม) - ถือว่าเก็บไว้ก่อน เหลือก็แบ่งคืนทุกคนน่ะ (คนที่ไม่ได้ไปล่ะ) - เงินก็ไม่ได้เอาไปไหน เราก็ได้เที่ยวเองด้วย ไปเที่ยวไหนก็ต้องเสียเงินทั้งนั้น เผลอๆ แพงกว่านี้ (นี่ไม่ใช่เที่ยวนะ, และก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องเก็บเผื่อไป 2 เท่า) ภาวนาอย่าให้เพื่อนกรุ๊ปแตกกันเลยว่ะ งานทีไรทะเลาะกันทุกที แย่งอำนาจกัน 14 พ.ย. 43 วันเกิดปีนี้อายุขึ้นเลข 2 แล้ว ย่อมมีอะไรให้คิดมากกว่าปกติ ปีนี้ไม่หวังได้ของจากใคร ไม่ขอให้ใครมาอวยพร ไม่อยากให้มีอะไรพิเศษกว่าทุกวัน เพียงแค่ทุกๆ อย่างดำเนินไปตามปกติ ให้เราได้มีโอกาสได้จ้องดูอย่างตั้งใจกว่าทุกวัน แค่นี้ก็มีความสุข.. เรามีเพื่อนดีๆ เรามีครอบครัวดีๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าหลายๆ คน เรามีคนรักมากกว่ามีศัตรู พอใจแล้ว.. อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด.. 15 พ.ย. 43 ได้ฟังเพลงเรื่องราวบนแผ่นไม้ รู้สึกจะร้องไห้ ประทับใจในเรื่องราวของเฉลียง เป็นความทรงจำที่ดีอีกอย่างนึงในชีวิตหลายคน ที่เกิดในยุคเรา เพลงของเฉลียงมักเป็นเรื่องราวที่แฝงไว้ในสัญลักษณ์ และโดยเฉพาะในเพลงเรื่องราวบนแผ่นไม้ ถือเป็นการสรุปมุมมองแบบเพลงเฉลียงเอาไว้ครั้งสุดท้าย และก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่หยิบเอาคำว่า เฉลียง นี่แหละ มาเป็นสัญลักษณ์ในเพลงสุดท้ายนี้ ..เป็นการเปรียบเทียบที่ยิ่งใหญ่ และซับซ้อนที่สุด ในบรรดาบทเพลงของเฉลียงที่มีมาทั้งหมด.. เรียกว่าจบแบบทิ้งทวน โดยไม่ทิ้งมุมมองแบบสัญลักษณ์ บัตรคอนเสิร์ตเฉลียงสองรอบหมดแล้ว หมดตั้งแต่วันแรกที่ขาย คือวันลอยกระทง 11 พ.ย. และก็จะไม่เพิ่มรอบด้วย แต่พี่จิกใจดีมาแจกบัตรในเว็บไทยมุง ให้เข้าชมรอบซ้อมใหญ่ ศุกร์ 1 ธันวาคม แจกเพียง 50 ใบ และขอได้ไม่เกินคนละ 2 ใบ ..และเราก็ลงชื่อขอเป็นใบที่ 49-50 พอดี! เป็นของขวัญวันเกิดที่สุดยอดมากๆ 1 ธ.ค. 43 เจอพี่จิกเดินอยู่คนเดียวหน้างาน ยังไม่มีคนเลย ยกมือไหว้ บอกว่าผมชื่อนวยครับ พี่จิกจำไม่ได้ ใครหว่า เลยถามมาว่า มาดูซ้อมใหญ่เหรอ อ้อ ดีๆๆ.. ก่อนประตูเปิด มองดูดาราศิลปินเท่าที่เห็นนี่เพียบ วรธนา เชษฐา กษาปณ์ พี่ตู้ (จรัสพงษ์) คมสัน (108) โด๋ว (มรกต) และอีกหลายๆ คนที่เราไม่รู้ชื่อ ปรากฏคนที่ยืนในมุมมืดข้างๆ เรา คือพี่เล็ก สมชาย นี่หว่า ไม่มีใครรู้จักเลย.. อาจจะมีเราคนเดียวที่เข้าไปขอลายเซ็น และก็ได้ลายเซ็นพี่จิก ที่หน้าประตูทางเข้าอีก แต่กลายเป็นว่า งานนี้ผ่านไป เราไม่ได้ลายเซ็นเฉลียงเบื้องหน้า 6 คน เลย แต่ได้ของเฉลียงเบื้องหลัง 2 คน มาแทน.. คอนเสิร์ตนี้ไม่ประทับใจเท่าไร เพราะการเรียงคิวลำดับการแสดง ส่วนใหญ่เหมือนคราวก่อน (คอนเสิร์ตแก้คิดถึง ฉลองสิบกว่าปีเฉลียง 2537) ถ้าจะชมก็เรื่องการให้แสงนี่แหละ สีสันสุดฤทธิ์มากๆ คนทำไฟ และคนคุมแสงนี่เจ๋งจริง เรื่องเสียงก็ไม่เลวนะ ถึงจะคุมยาก เพราะเป็นคอนเสิร์ตที่มีเครื่องดนตรีเยอะมาก วงเครื่องสายทั้งวงมาอยู่ด้านหลัง ทีมเครื่องเป่าอยู่กลาง และนักดนตรีสนับสนุน (วงฟิวเจอร์) อยู่ด้านขวา 10 ธ.ค. 43 บนทางด่วนยามค่ำคืนวันนี้ เกือบตายแล้วเรา โอ๊ดขับรถมาบนทางด่วน หน่งนั่งหน้า เรานั่งหลังโอ๊ด วิ่งกันมาเลนซ้ายสุด มัวแต่มองป้ายกัน จนหน่องร้องเฮ้ย.. และชี้ข้างหน้า รถกระบะคันนึงจอดไฟกระพริบอยู่ ในเงามืดใต้ป้ายพอดี คิดว่ายังไงก็ชนแน่ๆ เพราะเหยียบมา 140 ตลอด.. เลนสองก็มีอีกคันอยู่ข้างหน้าเรา จังหวะกำลังจะขนาบข้างรถกระบะ โอ๊ดตั้งสติได้ดีมาก เอารถพุ่งแฉลบอ้อมรถกระบะมาได้ แถมไม่ชนคันข้างขวาเลยด้วย ไม่มีแม้รอยครูด ผ่านรูนั้นมาเรายังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น รอดมาได้ยังไงหวุดหวิดมาก วินาทีนั้นเชื่อเลยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเราอยู่ น่ะมีจริง.. แม้ช่วงนั้นปลงแล้ว ว่ายังไงก็ชนชัวร์ แต่ก็ยังรอดปลอดภัยมาได้ คิดได้เลยว่าเออชีวิตคนเรานี่ ความตายอยู่ใกล้แค่นี้เอง แล้วแต่ละคนที่มีชีวิตอยู่นี่มีจุดมุ่งหมายอะไรกันบ้างนะ เคยคิดบ้างไหมว่าจนถึงวันนี้เราทำอะไรไว้บ้าง ถ้าตายขึ้นมา จะมีความหมายอะไรกับสังคมบ้าง.. .. หรือตายแล้วตายเลย ตายก็ตายไป 20 ม.ค. 44 ประโยคจากหนังฮ่องกง .. ชัยชนะที่แท้จริง ไม่ใช่การอยู่เหนือผู้อื่น แต่เป็นการทำให้ผู้อื่นยอมรับนับถือต่างหาก .. 31 ม.ค. 44 ไม่กี่วันนี้มีตู้ล็อคเกอร์มาตั้งไว้ใต้ตึกกิจ ใหม่เอี่ยมแกะถุงเลย กะดูด้วยสายตาก็ราวๆ พันตู้ เยอะมาก โอเจขยายความให้ฟังว่าตู้พวกนี้คิดค่าเช่า ปีละ 100 บาทเอง สนใจก็ติดต่อได้ที่พี่ข่านของเรา.. โอเจและพี่อั้มก็ได้เช่าไว้คนละตู้เรียบร้อยแล้ว พี่อั้มเอาไว้ใส่รองเท้ากีฬา โห แล้วคนมาใช้ต่อไม่อ้วกแตกเหรอวะ.. นี่เราก็กำลังรอจังหวะเช่าไว้สักตู้ กะเอาไว้เก็บพวกชีท สัมภาระต่างๆ แล้วก็ไว้เก็บของเวลาจะเดินไปไหนๆ ตอนกลางวัน จะได้ไม่หาย รวมทั้งไว้เก็บอุปกรณ์ทำรายงาน จำพวกกาว กรรไกร แมกซ์ ไม้บรรทัด อีกอย่างคือ อยากรู้บรรยากาศโรงเรียนเมืองนอกด้วย ว่าเวลาทำอะไรๆ แล้วมีฉากเป็นตู้ล็อคเกอร์จะเป็นยังไง เหมือนในหนังฝรั่ง หรือในมิวสิควีดิโอไทยไง จีบหญิงต้องเอาของไปแปะไว้ที่ล็อคเกอร์ บางทีก็ปิ๊งกันเพราะตู้ใกล้ๆ กัน บางทีตัวเอกกับผู้ร้ายก็ต้องมาต่อยกันตรงตู้ล็อคเกอร์.. 7 ก.พ. 44 เมื่อวานที่ร้านหนังสือ ได้อ่านบทสัมภาษณ์พี่ดี้ นิติพงษ์ ติดใจคำพูดเกี่ยวกับเรื่อง เคล็ดลับการแต่งเพลงให้โดนใจคนฟัง เขาตอบว่า เมื่อก่อนเคยคิดสูตร 5 ข้อ แล้วเปิดอบรมคนแต่งเพลง แต่ว่าหลายปีถัดมาก็กลับมาบอกว่า ให้เลิกยึด 5 ข้อนั้นไปเลย เพราะจริงๆ การแต่งเพลงไม่มีกฎตายตัวใดๆ ทั้งสิ้น คำแนะนำที่พอจะมีให้กับคนเพิ่งเริ่มแต่งเพลงก็คือ จงคิดแค่ว่า แต่งยังไงให้คนฟังอยากจะฟังซ้ำอีก ซักเที่ยวสองเที่ยว.. แล้วค่อยพัฒนาขึ้นเป็น 7-8 เที่ยว แล้วก็ในที่สุดเป็นอยากฟังบ่อยๆ นั่นก็คือเพลงฮิต! แค่นี้เอง อาจจะฟังดูง่ายๆ แต่เราว่ามันใช่เลยนะ เพลงที่ออกมาแล้วดับไปก็เพราะไม่ผ่านข้อนี้นั่นแหละ ฟังดูง่ายๆ แต่จริงๆ ก็ทำยากเหมือนกัน.. วันนี้ไปเจอกฎ 5 ข้อที่ว่านั่น ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งพอดี (1) เราต้องรู้จักนักร้องคนนี้ให้มากที่สุด เป็นคนยังไง บุคลิกยังไง ชีวิตส่วนตัวเป็นยังไง พูดจาแบบไหน หาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด (2) เมื่อได้ทำนองมา เราต้องมาดูว่าทำนองนั้นๆ อารมณ์อะไร ฟังให้ออกจะดี ตีความได้จะได้เปรียบ (3) คิดว่าจะเขียนเรื่องอะไร ฝึกคิดแบบอื่นๆ ต่างไปบ้าง หรือเปลี่ยนแง่มุมที่จะพูด ถ้าเรื่องเก่า คำต้องใหม่ แต่ถ้าเรื่องใหม่แล้วคำธรรมดาก็ได้ (4) วิธีการเขียนออกไปต้องสื่อสารให้คนเข้าใจกันได้ (5) คนจะชอบกันมั้ย พล็อตดีแล้ว แปลกแล้ว เล่าเรื่องดีแล้ว แต่ว่า คนชอบรึเปล่า ประทับใจรึเปล่า สะเทือนใจคนได้มั้ย ถ้า เฉยๆ อย่างเช่น คนใส่เสื้อสีขาว เดินเข้าไปในห้องขาว แล้วมีคนใส่เสื้อสีขาวเดินเข้ามาอีก มันก็ไม่แปลกใจ ไม่ประทับใจ 9 ก.พ. 43 .. ตอนนี้อยากโทษตัวเองที่ไม่เคยพอใจอะไรเลย พอไม่เข้าทางก็ดูเค้าในมุมเปลี่ยนไปเลย.. เค้าไม่ผิดนะ เค้าแค่ต้องการสื่ออะไรซักอย่างที่เราอาจไม่เข้าใจ เหตุการณ์ทั้งหมดมันพาให้เราเข้าใจผิดเอง เป็นไปได้ไหม ไม่แน่นี่อาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นกับเรา หรือกับใคร โทรหาโฟล์คเพื่อบอกว่า ตอนนี้ไม่อยากทำอะไรเลย อยากเก็บตัว อยู่กับตำราเรียน พรุ่งนี้ที่นัดกันไว้ว่าจะมาคณะขอยกเลิกนะ โฟล์คเข้าใจ ไม่ว่าอะไร เราเล่าไปน้ำตาจะไหล.. นี่มันคิดไปข้างเดียวตลอด แค่ยิ้มเดียวก็เพ้อไปไกล เกินความจริงที่ยังไม่รู้ว่าเป็นไปได้ดังหวังหรือเปล่า .. 10 ก.พ. 43 คนเราต้องไขว่คว้าเสมอไป? ... ถ้ามาเองไม่สนใจ? อะไรต้องเป็นยังไงกันนะ นี่ถ้ามีใครมาบอกเราว่าต้องทำอะไรต่อๆ ไป เราก็คงทำตามแล้ว .. ตอนนี้ตัดสินใจไม่ได้ซักอย่าง ... เมื่อเช้าฝนตกหนัก นั่งเล่นกีตาร์เขียนเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง เริ่มแรกเป็นเพลงง่ายๆ ที่มีแค่สองคอร์ด แต่ได้ความรู้สึกหม่นๆ มาก 13 ก.พ. 43 เวลาฝันถึงเหตุการณ์ไม่ดี อย่างเช่นทำอะไรพลาด เราไม่เคยคิดว่าเป็นฝันร้าย เพราะเวลาตื่นมาเราจะรู้สึกว่า โชคดีที่เป็นแค่ฝัน เสมอ คงเป็นที่เราทำชีวิตตอนนี้ให้มันน่าอยู่แล้วนั่นแหละ คือพอใจแล้ว วันๆ ก็มีสุขไปตามเรื่องตามราว.. 16 ก.พ. 43 ฤทธิ์กาแฟเมื่อคืนใช้ได้แฮะ ตีหนึ่งยังตาสว่างอยู่เลย ทำโน่นทำนี่แต่ไม่ได้อ่านหนังสือสอบซักนิด ... โฟล์คบอก ของอย่างงี้อยู่ที่ใจ กินกาแฟช่วยได้ แต่ถ้าใจไม่อยากอ่านก็ไร้ค่าอยู่ดี 17 ก.พ. 43 โค้งสุดท้ายก่อนสอบมักจะเป็นแบบนี้ประจำ ไม่กี่วันมานี้คิดแต่ว่า ทำยังไงให้อ่านหนังสือได้ทัน แต่พอถึงวันนี้ (อีกสองวันจะสอบ) สมองก็จะเอาตัวรอด ด้วยการคิดว่า สอบเสร็จจะเที่ยวให้หนำใจที่ไหนดี... นับว่าเป็นการผ่อนคลายเครียดได้อีกทาง 2 มี.ค. 43 ใช้หลักปฏิบัติใหม่ ตั้งแต่สอบมาคราวนี้หลายวิชา คือข้อที่ทำไม่ได้และรู้ว่ามั่วไปก็ผิดอยู่ดี เราจะทิ้งไปเลย (ส่งกระดาษเปล่าสำหรับข้อนั่น) และเอาเวลามาตรวจข้อที่ทำได้ เอาให้ได้คะแนนเต็มชัวร์ๆ ถ้าทำแบบนี้ก็จะมั่นใจได้ว่า คะแนนจะยังเกินคะแนนเฉลี่ยอยู่ หลักนี้หลายคนบอกมาตั้งนานแล้ว อาจารย์ส่วนมากตรวจจากบรรทัดล่างสุดมาก่อน คำตอบผิดก็ได้ศูนย์เลย ไม่ยอมตรวจดูวิธีทำ ถ้าทำทุกข้อ แต่คำตอบไม่ตรงเลย ก็ได้ศูนย์หมดน่ะ.. ออกจากห้องสอบมา ถึงได้รู้ว่าข้อที่เราทำไม่ได้น่ะ ที่จริงไม่มีอะไรเลย มันง่ายมาก เพียงแต่เรามองทางไปไม่ออกเอง เลยได้แง่คิดเพิ่มว่า จริงๆ แล้วข้อสอบพวกนี้ มันไม่มีอะไรเกินความรู้หรอก ถ้าเราอ่านหนังสือจบนะ เพียงเราต้องจ้องมันให้ออกให้ได้ ไม่มีทางที่ข้อสอบข้อหนึ่งจะไม่มีใครทำได้เลยสักคน.. 11 มี.ค. 43 วันนี้กิจจาซกับพี่อ๋งก็โทรมาคุย กิจจาซบอกว่า บังกะโลที่พัทยายังสร้างไม่เสร็จ ก็เลยขอบ้านพักที่ปากช่อง โคราช ไว้แทน ให้คนขับเอารถตู้ขนพวกเราไป แต่กิจจาซเป็นห่วงว่าถ้าใครเอาเกมเพลย์ไป ก็จบกัน ห่วงเรื่องเดียวกับพี่อ๋งเลย เกม, การ์ตูนร้อยเล่มจบ, หรือซาวด์อะเบาท์ จะทำให้อยู่ในโลกส่วนตัวตลอด เหมือนไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ... ดีนะที่เราเป็นผู้ชาย ยังไม่น่าห่วงเรื่องพกไพ่ไปเที่ยวแบบผู้หญิง ไม่งั้นถึงที่พักเมื่อไรก็ ตั้งวง.. us:=นวย.:am:. - 23/12/2003 10:03 ๏+๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-