tp:=14/10/46 .. บันทึกจริง : งานออฟฟิศวันที่ห้า และคุยเรื่องเปิดร้าน tg:= op:=ความคิดจะลาออกยังอยู่ในหัวตลอด แต่ก็ยังไปทำงานเพื่อไม่ให้ค้างคา วันนี้ยิ่งไปสาย จนไม่มีเวลากินข้าวเช้า.. ฟรีแลนซ์หนุ่มหน้ายาว ใส่แว่น เสื้อยืดคอกลมสีดำสกรีนโรแลนด์ บอกให้รู้ว่าเป็นคนคีย์บอร์ด.. มานั่งอยู่ในออฟฟิศหลายชั่วโมงเพื่อช่วยโปรแกรมเมอร์นำไฟล์เสียงใส่ลงเกม เราก็ได้เข้าไปสนทนาบ้าง เขาถาม ใช้โปรแกรมอะไรบ้างอ่ะครับ เราตอบ โซนาร์กับเวฟแล็บครับ เขาบอก ผมใช้คิวเบสกับซาวด์ฟอร์ก (หัวเราะ) ไม่เหมือนกันเลย ฯลฯ มื้อเที่ยงนายคนนี้ก็ร่วมโต๊ะด้วยที่ศูนย์อาหารท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส ข้างๆ ออฟฟิศ และโชคดีจังที่เราตัดสินใจมากินที่นี่ (มีอีกกลุ่มนั่งรถไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) ก็เลยบังเอิญได้เจอ 6 ผู้กำกับหนังเรื่อง แฟนฉัน นั่งกินข้าวอยู่โต๊ะติดกัน.. เรานั่งมองอยู่นาน ใจคิดจะเข้าไปขอลายเซ็นโดยแลกคูปองซัก 1 บาทไปให้เซ็นเป้นที่ระลึกว่าเจอกันที่นี่ (ตอนนั้นไปตัวเปล่าไม่มีกระดาษ) แต่คิดอีกทีก็เกรงใจเพราะยังไม่ได้ดูหนังเลย อาจจะดูแล้วไม่ประทับใจก็ได้.. อีกอย่าง อายเพื่อนร่วมงานว่ะ.. 55 งานที่ทำวันนี้วันที่ห้าคือ ทำเพลงแบ๊คกราวด์สั้นๆ เป็นฟังก์เบสท่อนที่ชอบเล่น แกะคอร์ดได้เป็น Em-A7 ให้คุณต่างชาติ แกก็ชอบ เพลงเมื่อวานทำสไตล์ร็อคแอนด์โรลส์ก็ชอบ.. นอนนั้นเคลียร์งานเก่า แปลงซาวด์เอฟเฟกต์ที่ทำไว้เป็น mp3 จัดเพลงต่างๆ ให้เรียบร้อยเพราะคาดว่าจะไม่มาอีกแล้ว จะลาออก เขาจะได้เอาไฟล์ที่เราทำไว้ไปใช้ได้ไม่เสียเปล่า.. เพลงเสี่ยงเซียมซีเมื่อวานดันไม่ชอบ บอกว่าร็อคไป (ร็อคตรงไหนฟระ มันเพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์) แต่เพลงตกปลาแบบบอสซาโนวา ที่เราทำเล่นๆ นึกว่าจะไม่ผ่าน กลับชอบ.. เอาใจบริษัทนี้ยากจัง! เลิกทำเถอะ หายบ้าแล้วงานนี้ รู้ซึ้งว่างานไม่ถนัดอย่าไปทำเลย.. รีบกลับตั้งแต่หกโมงเย็น (เริ่มไม่กลัวยามบนสถานีรถไฟฟ้าแล้วว่าจะมาจับเราข้อหาใช้บัตรราคานักศึกษา.. แล้วก็เลยทำฟอร์มเนียน เดินผ่านช่องที่อยู่ติดกับยามทุกครั้งให้เสียงออดดังต่อหน้า ภาวนาให้ยามไม่รู้ว่าเรากะลังทำใจดีสู้เสืออยู่) บนรถไฟฟ้าเจอ วรุธ ไม่เจอมาหลายปี วรุธกำลังจะไปเวิร์ลเทรดเช่นเดียวกันกับเรา ก็เลยอาสาไปส่งโดยให้เราไปเอารถที่คอนโดตรงปทุมวันเป็นเพื่อนก่อน วรุธทำงานมา 9 เดือนในตำแหน่งออดิเตอร์ ผู้ตรวจสอบบัญชี ทำงานตรงที่เรียนมาเป๊ะ งานหนักมากๆ แต่ก็ใจแข็งไม่ลาออก ดูวรุธสุขุมขึ้นเยอะเลย แม้จะยังคงความคิดเช่นเดิมก็ตาม.. ระหว่างเดินทางได้คุยกันหลายเรื่อง มีทวนความหลังบ้าง แต่สิ่งที่น่าคิดวรุธพูดไว้ดี คือ บางทีมองว่าที่อยากลาออกนั้น เพื่อสิ่งที่ดีขึ้นจริงๆ หรือเพราะเราไม่มีความอดทนเลย กันแน่.. คุยแล้วก็ตรงกับที่เราสงสัยอยู่กับตัวเอง แต่สุดท้ายเราก็ยังเชื่อว่า ชีวิตไปตามจังหวะนั่นแหละ เราอยู่ไปเรื่อยๆ ขอให้แฮปปี้ทุกวันก่อนถึงดี! ช่วงนี้ไม่แฮปปี้ก็เพราะงานออฟฟิศสุดโหดหิน.. เราว่าเราก็ทำอะไรไปตามสถานการณ์ที่สมควร ไม่เคยทำอะไรบุ่มบ่ามอยู่แล้ว.. สารพันเหตุผลที่คิดว่าจะลาออก อย่างเช่น.. ทำงานนี้ไม่ถนัด ทำเร็วออกมาแย่ เร่งๆ ก็คิดไม่ออก.. งานกินเวลาหนักเหนื่อยไปหน่อย ไม่มีเงินพิเศษใดๆ.. ม้าว่าไม่อยากให้จ้องคอมมากๆ แบบนั้น แต่เราว่าไม่อยากใช้เฮ้ดโฟนนานๆ ด้วย.. นอกนั้นก็ความคิดจิปาถะน่าขำ อย่างเพื่อนร่วมงานไม่น่าร่วมงาน ห้องส้วมก็ลำบากเพราะอยู่ติดห้องทำงาน ฉี่ดังไม่ได้ ฯลฯ.. แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยนะ ทำงานมาก็ได้ประโยชน์บ้างแล้ว อย่างเช่น.. 1. รู้ซึ้งถึงบริษัทเล็กๆ ว่าเขาอยู่กันยังไง ชักอยากทำงานบริษัทใหญ่มากกว่าแล้ว จะได้ไม่มีใครสนใจใคร.. 2. ลองทำงานเพลงดูแล้วรู้ว่า หนึ่ง ศิลปะแต่ละคนชองต่างกัน สอง หากไม่อยากให้คนอื่นไม่ชอบก็ไม่ควรทำงานศิลปะ สาม งานนี้ไม่ควรใช้ศิลปะ สี่ อย่าไปทำเลยถ้างั้น.. 3. ประสบการณ์ทางสังคม เป็นอีกคราวที่เราเข้ากับที่ทำงานไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เช่นเดียวกับตอนฝึกงาน.. เงียบเกินไป ขอไปเริ่มใหม่ดีกว่า.. 4. ได้ซ้อมตื่นเช้า จนตอนนี้กลายเป็นคนตื่นเช้าไปแล้ว.. เวอร์ลเทรด ทุ่มกว่า ฟู้ดเซ็นเตอร์ชั้นสี่.. เรา กล้า วี และณพพัณณ์ สี่คนคุยกันเป็นครั้งแรกเรื่องเปิดร้านอาหาร.. ยังไม่มีอะไรต่างไปจากที่เคยคิดและคุยกับกล้าสักเท่าไหร่ นอกจากไปดูที่แถวหอการค้า (วิภาวดีซอย 2) เพราะกล้ากับวีว่าคนเยอะ หอเยอะดี (ในใจคงมีเหตุอื่นด้วยที่อยากเปิดตรงนั้น) ไปดูที่ ขับรถวนๆ ตอนสามทุ่มครึ่ง วันนี้วันธรรมดา ไม่มีคนเลย.. มีร้านอาหารจะเปิดใหม่ตรงนั้น 16 ตุลา ด้วย ชื่อร้านกระปุก.. มองๆ ดูแล้ว รู้ว่าโอเคเลยล่ะแถวนั้น ถ้าจะเจาะกลุ่มวัยรุ่นเที่ยวกลางคืน ไม่ก็ต้องไปดูกันอีกทีที่นี่เวลากลางวัน มีคนกินบ้างไหม.. ลืมจ่ายค่าโทรมือถือ.. เหลืออีกสองวันจะครบกำหนดแล้ว! us:=นวย.:am:. - 26/10/2003 16:09 ๏+๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-