tp:=3/10/46 .. บันทึกจริง : สมัครครู, ออฟฟิศรับ, และเจ๊ชุดดำ tg:= op:=วันนี้มีเรื่องใหญ่ๆ 3 เรื่อง 1. สมัครเป็นครูมาแตร์ 2. บริษัท***โทรมาขอรับเราเข้าทำงาน และ 3. เดินไปต่อว่าเจ๊ชุดดำมาตรงๆ.. รายละเอียดก็มีอยู่ว่า ตามที่ตั้งใจไปสมัครเป็นครูในวันนี้เพราะไม่อยากรอนานถึงวันจันทร์ ก็เลยรีบพิมพ์เรซูเม่ฉบับใหม่ที่เน้นประสบการณ์การสอนเลขเป็นพิเศษ แล้วไปปริ๊นท์ที่ห้องเก่งเอา... เก่งขอไปด้วยเพราะอยากเข้าไปใน ร.ร.มาแตร์ ดู อยากไปหาน้องหนึ่ง เราก็ไม่ขัดศรัทธา ดีจะได้มีเพื่อน... ก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีชิดลม แล้วเดินเข้า ร.ร. น้องโอ๊ตกะน้องกิ๊ฟมารออยู่แล้วหน้าประตู ก็พอเข้ารั้วติดต่อยามเรียบร้อย... วันนี้เราเพียงกรอกใบสมัครและฝากหลักฐานไว้ แล้วเมื่อขาดคนเขาจะเรียกไปสัมภาษณ์ และทดลองสอนโชว์ (เรียกว่า สอบสอน) ... โห แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่หว่า ... ทีแรกนึกว่าน้องมดสนิทกับครูใหญ่ แต่ถามอีกทีถึงรู้ว่า สนิทกับครูใหญ่คนก่อนต่างหาก อ้าว ยังงี้เราก็มาสมัครที่นี่แบบไร้ที่พึ่งอ่ะดิ โธ่นึกว่าจะมีใครช่วยเหลือได้บ้างซะอีก โชคดีนะเนี่ยที่วันนี้อะไรไม่รู้ดลใจให้ไปค้นหลักฐานเก่าๆ เอาไปด้วย อย่างเช่นหลักฐานการเรียนชั้น ม.ปลาย สำเนาทำเบียนบ้าน บัตรประชาชน.. เพราะปรากฏว่าได้ใช้ทั้งหมดเลย และโชคดีที่เราปริ๊นท์เรซูเม่ไปเอง เพราะในใบสมัครที่ให้กรอกนี่เป็นแบบจำกัดมาก ไม่สามารถใส่ประสบการณ์เราในช่องใดได้เลย.. อย่างถามว่า เคยเป็นครูหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่เคย.. ทั้งที่จริงๆ ก็สอนพิเศษวิชานี้มาตั้ง 4 ปี แถมยังได้รับชวนไปติวเอ็นทรานซ์ใน ร.ร. ด้วย.. หรือถามว่า เคยรับการอบรมอะไรหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า ไม่เคย อีกแล้ว ทั้งที่จริงๆความถนัดทางคอมพิวเตอร์ก็พอมีอยู่ ดนตรีก็พอไหว สันทนาการยังทำมาแล้ว.. ฉะนั้นการแนบเรซูเม่ไปเพิ่มเติมนั้นช่วยกู้หน้าตาเราได้ดีมาก.. มีกระดาษแถมมา 1 ใบ เป็นคำถามแสดงความคิดเห็น ถามทุกอย่างเกี่ยวกับการศึกษา เช่น ทำไมเลือกมาเป็นครูที่มาแตร์, คิดยังไงเกี่ยวกับการเรียนการสอน, คิดยังไงเกี่ยวกับการวัดผล, คิดยังไงเกี่ยวกับการดูแลระเบียบวินัยของนักเรียน ฯลฯ.. ซึ่งเราก็ตอบไปตามที่คิดและตามที่ควร เช่น มาเป็นครูที่นี่เพราะน้องที่เรียนอยู่แนะนำมา และชอบกิจกรรมของที่นี่ ทั้งค่าย และการแสดงดนตรี, การเรียนการสอนปัจจุบันควรเปลี่ยนมาเน้นความเข้าใจมากกว่าการท่อง เน้นถึงที่มาและการนำไปใช้ประโยชน์ของเนื้อหาวิชามากขึ้น, การวัดผลโดยการสอบดีอยู่แล้ว แต่ควรเพิ่มเติมวิธีอื่นที่เป็นการวัดความเข้าใจด้วย เพื่อไม่ให้นักเรียนกลัวการสอบ, ส่วนการเข้มงวดกับความประพฤติของนักเรียนจนเกินไปไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก ควรปล่อยให้นักเรียนปฏิบัติในสิ่งที่เลือกด้วยตัวเอง และคอยดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ให้ออกจากกรอบที่ดี.. มานึกได้เอาตอนเขียนบันทึกนี่แหละ ว่าลืมตอบข้อสุดท้ายไปว่ะ.. ซวยแล้วตู! เขาถามว่าทำไมถึงอยากทำอาชีพครู โดยวงเล็บว่าเฉพาะครูสอนวิชาภาษาต่างประเทศให้ตอบเป็นภาษานั้นๆ.. เราดันตื่นเต้นเกินไป นึกว่าครูสอนคณิตศาสตร์ไม่ต้องตอบ มานึกๆ ดูอีกที เฮ่ย ไม่ตอบได้ไงวะคำถามสำคัญขนาดนี้ โธ่เว้ยพลาดเลย เข้าใจโจทย์ผิด เลยเว้นว่างไป 1 ข้อ.. โอ้พระเจ้า.. พอกรอกเสร็จสรรพ เรา-เก่ง-น้องโอ๊ต-น้องกิ๊ฟ-น้องหนึ่ง มากินพิซซ่ากันที่สยามฯ เก่งอยากร่วมโต๊ะกะน้องหนึ่งเลยต้องตามใจเขาหน่อย.. และระหว่างรออาหารนั้นเอง เราคงคิดหนักเรื่องเป็นครูและเปิดร้านอาหารไม่พอ บริษัทที่ไปสมัครไว้ที่แรกและที่เดียวซึ่งเราคอยมาเกือบสองสัปดาห์จนหมดหวังแล้วนั้น ก็โทรมาตอบรับเราเข้าทำงาน.. เราก็แบบ เล่นตัวเล็กน้อย เพราะปล่อยให้เรารอผลมานานเกินที่ตกลงกันไว้ คงจะหาใครไม่ได้แล้วจริงๆ ก็เลยมาเอาเรา อย่ากระนั้นเลยขอทำเป็นฟรีแลนซ์ดีกว่า ถามไปว่าติดงานอื่นแล้ว เอามาทำที่บ้านได้ไหม.. ทางนั้นตอบว่า รับชั่วคราวแค่ 1 เดือนเพื่อลองงาน อยากให้มาทำที่บริษัทเต็มเวลา เพราะจ้างฟรีแลนซ์ไปแล้วคนนึง.. ถ้ามาเต็มเวลาให้หมื่นห้า ถ้ามาสัปดาห์ละ 3 วันให้แค่หมื่นเดียว สนใจแบบไหน ... เราก็เลยว่าถ้าทำแค่เดือนเดียวก็ขอคิดดูก่อน พรุ่งนี้จะโทรบอก ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วล่ะว่าจะไปทำ เพราะมีข้อดีคือ (1) ได้เงินตั้งหมื่นห้า ทำงานแค่ไม่กี่วันเอง แถมเป็นตัวเลขสตาร์ทที่ดูดีซะด้วย! (2) ได้ประสบการณ์ล่ะวะ ดีกว่าอยู่บ้านต่อ... แต่ก็มีข้อเสียคือ (1) ไม่มีเวลาไปสมัครเป้นครูที่อื่นอีกแล้ว เพราะต้องเริ่มงานจันทร์นี้เลย จนถึงสิ้นเดือน (2) ไม่มั่นใจตัวเองว่างานเราผ่านเกณฑ์จริงหรือ กลัวว่าทำได้แค่ไม่กี่วันเขาจะเลิกจ้างเอาน่ะสิ... แต่โอเค ทำก็ทำวะ ไม่ลองไม่รู้! และแน่นอนว่าทำเต็มสัปดาห์ก็ได้ ได้เงินเยอะกว่าก็ต้องเอาสิฟะ ถึงแม้ที่จริงการเอางานมาทำที่บ้านจะสะดวก ทำงานได้คล่องตัง ลื่นไหลกว่าก็ตาม ถ้าเขาอยากให้เราไปนั่งที่นั่นมากนักก็ทำให้ ตามใจ.. (งานนี่เป็นงานแต่งเพลงและทำเพลง เราว่านั่งอยู่ที่บริษัทคิดงานไม่ออกแหงๆ กีตาร์ก็ไม่มี จะเอาอะไรช่วยหว่า.. สงสัยซอฟท์แวร์ที่จะใช้ก็คงต้องหาไปเอง..) และเรื่องการสมัครงานนี่แหละเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า ชีวิตเรานั้นมันเป็นไปตามจังหวะ.. ทุกอย่างมันโผล่มาในช่วงที่ประหลาดใจได้เสมอ อาจไม่มีใครเข้าใจและอาจมีคนหาว่าเราบ้า งมงาย แต่เราก็ยังมั่นใจว่าทุกอย่างมันมีจังหวะของมันอยู่แล้ว อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด ฉะนั้น..จงเชื่อในจังหวะ! ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่เราพอใจ แล้วรอจังหวะเหตุการณ์ที่มันจะเกิดตามมา... พอกินพิซซ่าเสร็จก็ต้องเดินกลับกะเก่ง ชวนเก่งขึ้นไปฟู้ดเซ็นเตอร์ แกล้งเดินเล่นยั่วเจ๊ชุดดำหน่อย เพราะไหนๆ เราก็ไม่ได้มาสอนที่นั่นแล้ว ปรากฏว่าเราเข้าไปเดินคนเดียว 1 รอบ (เก่งไม่ยอมเข้าด้วยเพราะยังต้องมาสอนตอนเปิดเทอมอยู่) ไม่เจอเจ๊ รู้สึกว่ามาเสียเที่ยวว่ะ และช่วงวินาทีก่อนที่จะเดินออกจากฟู้ดเซ็นเตอร์นั้นเองเป็นวินาทีที่สำคัญ ที่เราถามย้ำตัวเองในใจว่า ไหนๆ ก็มีเรื่องอื่นๆ ในชีวิตอีกมากแล้ว (งานดนตรี งานครู งานทำร้านอาหาร) จะลุยเรื่องนี้ให้เคลียร์ไปเลยดีไหมวะ.. ตัวเองตอบว่าดีแหละ กล้าๆ หน่อยโว่ย! ว่าแล้วก็เลี้ยวกลับมายังเคาน์เตอร์แลกคูปองทันที ก้มหน้าพูดลอดรูไปว่า ขอโทษครับ พี่ชุดดำที่ชอบโวยวายๆ ไม่อยู่เหรอครับ.. พนักงานก็ตกใจ บอกว่าอยู่ เดี๋ยวตามให้ มีอะไร.. เราก็เฮ่ย หนีไม่ได้แล้วสิยังงี้.. ก็เลยตอบไปว่า อยากคุยด้วย.. เธอก็นั่งไม่อยู่แล้ว ลุกขึ้นกดมือถือโทรตามทันที.. ใจเราเต้นตึกๆ ที่ตูทำอะไรวะเนี่ย ถ้าเจ๊เอายามมาลากเราไปทำไง.. โทรศัพท์ไม่ติด แต่พนักงานเห็นแล้วว่าเจ๊ชุดดำกำลังยืนอยู่ในร้านขายน้ำ บอกให้เราเดินไปหาเอง.. เราก็เดินตรงไปหาทันที ในใจคิดว่าเจ๊ยังไม่เห็นเรานะ จะเลี้ยวหนีกลับบ้านก็ยังทัน ... แต่ไม่ดีกว่าว่ะ! มาแล้ว พูดแล้ว จะหนีได้ไงฟะ เราก็ลูกผู้ชายนะโว่ย... แล้วก็เดินไปหยุดตรงหน้าเจ๊พอดี สองคนสบตากันผ่านช่องระหว่างตู้กดน้ำชากาแฟแบบสี่เหลี่ยมมีน้ำพุ่งๆ ข้างในสองตู้.. เวลานั้นเราไม่ได้กลัวแล้ว นึกขำอยู่ว่าพนักงานคนเมื่อกี๊เป้นพวกเดียวกับเจ๊ประสาอะไรหว่า ดันมายอมรับคำเราที่ว่าเจ๊ชุดดำเป็นคนชอบโวยวายด้วย ชี้ตัวได้ถูกคนเฉยเลย ทั้งที่พนักงานชุดดำก็มีตั้งหลายคน :] พี่ครับ ผมไม่มาสอนที่นี่อีกต่อไปแล้วนะครับ แต่อยากบอกพี่ไว้ว่า ไม่ควรไปทำกิริยาแบบนี้กับลูกค้าคนอื่น ไม่ดี พนักงานบริการควรจะมีอัธยาศัยดีหน่อย... เราเปิดการสนทนาไม่ให้เจ๊ตั้งตัว เจ๊มองด้วยสายตาเหยียดคนเช่นเดิม แล้วพูดตอบทำนองว่า ก็เฉพาะคุณนี่แหละที่สมควรโดน เพราะมาสอนที่นี่วันละหลายรอบ ตลอดแทบทุกวัน กินก็ไม่กินอะไรเลย แถมยังทำกันเป็นเครือ ชวนเพื่อนมาที่นี่อีก อย่านึกว่าไม่รู้.. หรือว่าไม่จริง... ที่นี่เช่าเดือนเป็นแสนจะปล่อยมาหากินยังงี้ไม่ได้ แล้วทางสยามก็หมายตัวคุณไว้จนกระทั่งบอกให้ทางฟู้ดเซ็นเตอร์เข้าไปพูดไล่คุณไป... เฮ่ๆๆๆ ผิดเยอะเลยเจ๊.. เราเถียงไปว่า กินที่นี่ตลอด และไม่ได้เป็นคนพาเพื่อนมาด้วย เพื่อนต่างหากที่พาผมมาที่นี่... (อีกอย่าง มันหาว่าเรามีอิทธิพลเป็นเครือบ้าบออะไรวะไม่เข้าใจ แค่เรากะเก่งสองคนเนี่ยนะ ดูคนอื่นเด่ะนั่งสอนกันเกลื่อน ขายแอมเวย์ก็มี ดูหมอดูก็มี บางคนมานั่งดูหนังเช้ายันเย็นประจำ ทำไมไม่ไปไล่พวกนั้นบ้างเล่า) แล้วนี่ผมก็ไม่ได้มาสอนแล้ว แค่จะบอกให้รู้ว่าพนักงานบริการที่ดีไม่น่าทำกิริยาแบบนี้ เจ๊ก็ไม่สนใจจะฟังเลย บอกว่าถ้ายังงั้นก็เขียนคอมเพลนมาที่นี่ละกัน... เราก็นึกในใจ เออก็ได้วะ ถามไปว่าแล้วให้ส่งไว้ไหน เจ๊บอก ที่แคชเชียร์นั่นก็ได้... โอเคๆ แล้วเราก็เดินจากมา นึกต่อว่าขืนส่งที่แคชเชียร์ก็คงได้อ่านกันสองคนกับเจ๊แล้วก็เอาไปทิ้งขยะน่ะสิฟะ ใครจะไปยอมทำตามนั้นเล่า.. แน่นอนว่าเราไม่เลิกเล่นเรื่องนี้แน่ จะปล่อยให้เจ๊คิดว่าทำแบบนี้ดีแล้วหรือ ไม่ได้หรอก และที่สำคัญจะยอมให้เจ๊คิดว่าลูกค้าต้องก้มหัวให้ ไม่ได้! ถึงจะเป็นลูกค้าที่ใช้ที่เขาหากินแบบเราก็ตามเถอะ... คนอย่างเจ๊ไม่สมควรจะได้ทำงานที่ต้องพบปะผู้คนด้วยซ้ำไป.. ไม่รู้ลูกน้องแถวนั้นทนกันได้ไง us:=นวย.:am:. - 21/10/2003 22:15 ๏+๏- op:=ป.ล. ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาพิมพ์เลย ช้าหน่อยไม่ว่ากันนะครับ :] us:=นวย.:am:. - 21/10/2003 22:16 ๏+๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-๏-