0525
ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
แสดงทั้งหมด

[5] น้ำมันมวยกะยานูตอบ: 0, อ่าน: 1851

ห มู่ บ้ า น เ ส มื อ น   ต อ น ที่  5

-1-

      ยานูมีอายุเท่าๆ กันกับผม เขาเคยมาแวะเวียนที่แปลงผักร่วมของผมและเทซิอยู่พักใหญ่ เพื่อนชื่อไจเดที่เคยรับงานขนส่งผักให้แปลงของเรา เป็นผู้พามาแนะนำให้รู้จักเมื่อครั้งนั้น ผมยังจำประโยคแรกที่ไจเดเอ่ยได้จนบัดนี้.. "ยานูเขาอยากมีเพื่อนเยอะๆ ข้าเห็นว่าที่นี่มีผู้คนแวะมาพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่ไม่เคยขาด วันนี้ข้าจึงชวนเขามา"

      เรื่องของยานูที่ผมได้ทราบในเบื้องต้นก็คือ ระหว่างการฝึกขั้นพื้นฐานในสำนักกล้าม ยานูทำงานเพื่อหารายได้เสริมไปพร้อมกันด้วย โดยเขาเลือกที่จะ 'ขายน้ำมันมวย' รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับวงการฝึกกล้าม ซึ่งต้องถือว่าเป็นสินค้าที่น่าสนใจทีเดียว เพราะอย่างน้อย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทุกคนต้องใช้อยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่ตัวธุรกิจที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วมนี้กลับไม่ใช่งานค้าขายแบบปกติทั่วไป แม้ใครได้ฟังเพียงคติพจน์ก็ต้องว่าแปลกแล้ว "น้ำมันมวยเพื่อแขนสุดล่ำ อาร์มแวร์.. ท่านมิต้องเร่ขาย โปรดซื้อใช้แล้วบอกต่อ!"

      การค้าขายไม่ใช่อาชีพหลักของหมู่บ้านแห่งนี้ เจ้าของอาร์มแวร์เป็นคนภายนอกที่มองเห็นลู่ทางเข้ามาก่อตั้งกิจการในหมู่บ้าน ไม่มีใครทราบสาเหตุที่เขาเจาะจงเลือกที่นี่ และอาจเป็นด้วยลักษณะนิสัยของคนในหมู่บ้าน ผมจึงไม่เห็นใครตั้งคำถามเรื่องนี้เช่นกัน หรือการไม่มีคำถามนี่เองที่อาจเป็นคำตอบ

      ไจเดบอกว่าหลังจบหลักสูตรฝึกกล้ามแล้ว ยานูก็กระโจนเข้าไปประกอบอาชีพนี้อย่างเต็มตัว ปัจจุบันเขามีรายได้ต่อเดือนมากมายจนเป็นที่น่าอิจฉาทีเดียว ไจเดเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มเข้าไปทดลองงานนี้ นั่นทำให้ทายได้ไม่ยากว่าเขาสองคนได้พบกันที่สถานฝึกอบรมของอาร์มแวร์ แต่สิ่งที่สุดจะคาดเดาก็คือ ยานูมาที่แปลงผักนี้เพียงเพราะต้องการมีเพื่อนเยอะๆ จริงหรือ? ..เพราะแต่ละบทสนทนาของเขากับทุกคนในครั้งแรกๆ ที่ได้เจอกัน ล้วนวนเวียนไม่พ้นไปจากเรื่องความฝัน, ความมั่นคง, การวางแผนอนาคต, ความรวย, และความรวยยิ่งกว่ารวย เหมือนเขาพยายามทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากคุยกับเขาเท่าไร และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ได้พบกัน ผมก็ยังแทบไม่รู้จักตัวตนของเขาเช่นเดิม นอกจากภาพของนักขายที่เขากำลังแสดงอยู่ สงสัยเหลือเกินว่าแบบนี้การเป็นเพื่อนกันจะเริ่มออกเดินได้จากตรงไหน

      ก่อนหน้าการมาถึงของยานู ผมสงสัยอยู่ในใจมานานแล้วว่า การขายน้ำมันมวยอาร์มแวร์นั้นมีหลักการอย่างไร เหตุใดแทนที่จะนำน้ำมันมวยมาเสนอขาย กลับเห็นแต่การพยายามพูดชักชวนให้ผู้อื่นสมัครสมาชิกกับตน เพื่อที่ผู้นั้นจะได้เพียรหาสมาชิกต่อไปอีกเป็นทอดๆ ไม่รู้จบ และยังเคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งพูดชักชวนให้ผมสมัครสมาชิกกับเธอด้วย แต่นับสิบนาทีที่เฝ้าฟัง ผมไม่ได้รู้สึกถึงความปรารถนาดีอย่างที่เธอพูดเลยสักนิด ผมรู้สึกว่านั่นไม่ใช่การแนะนำ ดูเหมือนเป็นการชักจูงที่ชวนหวาดระแวงเสียมากกว่า

      ผมคงไม่กล้าถามข้อสงสัยนี้จากยานูผู้แก่กล้าในวิชาการขาย (หรืออันที่จริงน่าจะเรียกว่าวิชาหาสมาชิก) ดังนั้นในวันหนึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการส่งผัก ผมจึงชวนไจเดนั่งคุยกันต่อประสาเพื่อน

      "ท่านมีความฝันไหม.." ผมเปิดประเด็น
"ไอ้บ้า.. ต้องการอะไรท่านรีบว่ามาดีกว่า" ไจเดขำ
"ฮ่าๆๆ ข้าล้อเล่นๆ ..ข้าเพียงอยากฟังรายละเอียดของงานขายอาร์มแวร์เสียหน่อย จะได้ไหมท่าน.."
ไจเดทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ผมชวนสนทนาเรื่องนี้ ทั้งที่เคยประกาศเอาไว้กึ่งเล่นกึ่งจริงว่า อาร์มแวร์จะเป็นอาชีพสุดท้ายในชีวิตที่ผมจะนึกถึง ผมเห็นสีหน้าดังกล่าวจึงรีบขยายความ ก่อนที่เขาจะคิดไปต่างๆ นานา
"ข้าอยากทราบกลไกเอาไว้เพื่อเป็นความรู้น่ะ แต่ถึงแม้ข้าสนใจจะฟังเพียงไร ท่านก็มิควรหวังใจว่าข้าจะไปร่วมธุรกิจกับท่านในเร็ววันนี้นะ"
เราเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ไจเดจึงเข้าใจว่าผมหมายความเช่นนั้นจริงๆ และเขาก็ยอมบรรยายสิ่งที่อาร์มแวร์สอนมาให้ผมฟังฉันมิตร และผมก็รู้สึกปลื้มใจมากทีเดียวที่เขาเล่าทุกสิ่งด้วยความยินดี เชื่อว่าหากเป็นคนอื่นมาขอเช่นนี้เขาคงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

      เขาบอกว่าการทำงานขายอาร์มแวร์นั้น ในสมัยก่อนเมื่อขายน้ำมันมวยได้เท่าใดผู้ขายก็จะได้ส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวน "หนึ่งในสี่" ทันที แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีการขายของจริงๆ แล้ว เปลี่ยนมาเป็นการกินส่วนแบ่งค่าซื้อน้ำมันมวยจากกันเป็นทอดๆ เสียมากกว่า พูดสั้นที่สุดก็คือ เมื่อเขาซื้อน้ำมันมวยของอาร์มแวร์มาใช้เอง เขาจะได้ส่วนลดกลับคืนเป็นเงินสดหนึ่งในสี่ และเมื่อเขาหาสมาชิกที่สมัครผ่านเขาได้ นอกจากสมาชิกจะได้เงินคืนเมื่อสั่งของเช่นเดียวกันแล้ว หากยอดรวมค่าน้ำมันมวยที่สมาชิกของเขาสั่งรวมกันเกินเกณฑ์หนึ่ง ทางอาร์มแวร์ก็จะมีเงินส่วนลดเพิ่มพิเศษให้กับเขา และยิ่งหากสมาชิกแต่ละคนไปหาสมาชิกของตนเพิ่มอีกเป็นทอดๆ ยอดสั่งน้ำมันมวยทั้งหมดที่ผ่านมือเขาก็จะยิ่งมากทวีคูณ เขาก็จะได้ส่วนแบ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว และจุดนั้นเองคือช่องทางหารายได้ที่สมาชิกอาร์มแวร์ทุกคนล้วนหมายปอง จึงได้เพียรตามล่าหาสมาชิกกันเป็นการใหญ่ จนชาวบ้านทั่วไปอดหงุดหงิดไม่ได้

      "แผนภาพที่ท่านเขียนให้ดูนั้น ข้าเห็นว่าการหาสมาชิกให้ได้เดือนละ 8 คน มันอาจมากเกินไป"
"ถ้าแบบนั้น ปีละ 8 คนท่านทำได้หรือไม่ ด้วยเหตุนั้นท่านก็ยังได้เงินมหาศาลในปีที่ 4 อยู่ดี"
"จริงของท่าน ประเด็นนี้ข้ามิสงสัยแล้ว.." ผมสงสัยมากกว่า ว่าเขาไปเอาวิธีพูดโต้ตอบที่ฟังดูแยบยลเหล่านี้มาจากไหน คงไม่พ้นสถานฝึกอบรมอาร์มแวร์ "แล้วหากข้าไม่ซื้อน้ำมันมวยไว้ใช้เองเลย จะได้ไหม ให้เพียงสมาชิกของข้าเป็นผู้ซื้อ"
"หากทำแบบนั้นในบางเดือนท่านอาจมิได้ส่วนแบ่ง ท่านควรต้องสั่งซื้อเพิ่มเองเพื่อให้ยอดรวมเกินเกณฑ์ ท่านจึงได้ส่วนแบ่งพิเศษ"
"แต่ข้าไม่สนใจจะใช้น้ำมันมวยของอาร์มแวร์ เพราะราคามันสูงกว่าน้ำมันมวยทั่วไปเกือบเท่าตัว.."

      ได้ยินดังนั้น ไจเดก็เริ่มเปิดฉากโจมตียี่ห้ออื่นทันที ว่าผสมน้ำมันเยอะ ตัวยาไม่เข้มข้น ส่วนยี่ห้ออาร์มแวร์ของเขานั้นกลับมีคุณภาพสุดยอด แม้จะมีราคาแพงกว่าน้ำมันมวยทั่วไป แต่ก็เข้มข้นมากกว่าส่วนต่างของราคาอยู่เหลือหลาย รับรองว่าใช้ได้นานและคุ้มกว่าน้ำมันมวยที่ทุกคนใช้กันอยู่เดิมแน่นอน เขาสรุปว่าหากไม่เชื่อ ในโอกาสหน้าเขาจะนำอุปกรณ์มาทดสอบคุณภาพเปรียบเทียบกันให้ดู.. ชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างที่เขากล่าวมารวมทั้งวิธีทดสอบคุณภาพ ล้วนเป็นสิ่งที่ทางอาร์มแวร์เป็นผู้วางกลเม็ดและอบรมสั่งสอนเขามาทั้งสิ้น ชนิดที่ไม่ว่า "นักธุรกิจอาร์มแวร์" คนใดก็ต้องมาลงอีหรอบนี้ นี่ขนาดเป็นเพื่อนกันมานานยังไม่ฉีกแนวไปไหนได้เลย

      ฟังจนจบแล้วผมขอบคุณเขา แต่ก็ยังไม่คลายความแคลงใจที่มีต่อธุรกิจลักษณะนี้ ผมเห็นว่าเป็นระบบธุรกิจที่หากินกับความโลภของชาวบ้านได้อย่างร้ายกาจทีเดียว ถ้าใครเผลอติดกับดักแล้ว ก็จะคิดแต่เรื่องซื้อน้ำมันมวยอาร์มแวร์ ทุ่มทุนซื้อทุกเดือนเพื่อหวังส่วนแบ่งคืนมากๆ โดยหลอกตัวเองว่าถึงอย่างไรก็ได้ใช้ และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ แต่ละคนจะเฝ้าล่าหาสมาชิกเพื่อที่จะระบายน้ำมันมวยที่ตนมีออกไป หรือให้มียอดสั่งของมากขึ้น จนเกิดส่วนแบ่งที่น่าพอใจได้ทุกเดือน แล้วเมื่อทุกคนตั้งแต่ต้นสายยันปลายทางพยายามเร่งยอดสั่งของผ่านมือตนให้มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านที่ถูกหลอกเข้ามาในวงจรนี้ก็ย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย ..สุดท้ายเมื่อมองภาพรวมแล้ว ด้วยกลไกนี้ คุณภาพของน้ำมันมวยก็จะไม่ส่งผลต่อยอดขายอีกต่อไป ไม่ว่าจะดีหรือแย่เพียงใดก็ยังขายได้ถล่มทลายอยู่ทุกเดือน และผู้รับทรัพย์เต็มๆ ก็มีคนเดียว คือเจ้าของอาร์มแวร์

      อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกคลางแคลง มาจากเมื่อครั้งที่ผมหลงเข้าไปฟังบรรยายร่วมกับชาวบ้าน เหมือนเป็นเวทีสะกดใจให้ควักค่าสมาชิก ที่นั่นมีการนำเอาความฝัน ความทะเยอทะยานของแต่ละคน มาล่อหลอกให้เกิดแรงฮึด ที่จริงวันนั้นผมแทบไม่ได้มองบนเวทีเลย สิ่งที่น่าสนใจกลับเป็นผู้ชมรอบๆ ด้าน จากสภาพชาวบ้านในหมู่บ้านที่ไปนั่งฟังการบรรยายด้วยตาลุกวาวนั้น ไม่เห็นว่าจะมีสักกี่คนที่น่าจะพูดเก่ง บุคลิกภาพดี เหมือนคนบนเวทีเลย ผมไม่รู้ว่าตาที่เป็นประกายของชาวบ้านเหล่านั้นได้ย้อนกลับมาพิจารณาความเป็นตัวเองที่แท้กันบ้างหรือเปล่า.. แม้กระทั่งเมื่อผู้บรรยายพูดตามตรงว่าจะไม่ช่วยเหลือผู้ที่ทำรายได้ได้น้อย ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาเชิงขัดใจจากผู้ฟังคนใดเลย ราวกับทุกคนเชื่อไปเองสนิทใจแล้วว่า ตนนี่แหละ นักขายมือฉมัง!



-2-

      อันที่จริงยานูก็เป็นคนดีมากในระดับหนึ่ง หากพิจารณาในแง่ของการทำผิดศีลธรรมแล้วรับรองว่าไม่มีแน่นอน หนำซ้ำยานูยังเป็นคนที่ไปได้ด้วยดีในสายงานของเขา นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม และดูเหมือนชีวิตของเขาจะดำเนินไปอย่างสวยหรูกว่าคนอื่นๆ แต่ไจเดกลับยืนยันกับผมว่า ชีวิตของยานูยังไม่สมบูรณ์พร้อมทุกด้านหรอก ยานูเคยปรับทุกข์ให้เขาฟังว่า สิ่งเดียวที่ยังรู้สึกขาดอยู่ในใจลึกๆ ก็คือ 'เพื่อน'

      ได้รับรู้จากไจเดอย่างนั้น หลายคนรวมทั้งผมรู้สึกเห็นใจยานูอย่างยิ่ง และได้แต่พยายามทำตัวเป็นเพื่อนเขาให้ได้มากที่สุด แต่ก็น่าประหลาด ที่ดูเหมือนผู้ขัดขวางความสัมพันธ์ฉันเพื่อนก็คือตัวยานูเอง ที่หายใจเข้าออกมีแต่การชวนให้เป็นสมาชิกอาร์มแวร์ หรือไม่ก็เพียรนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาเสนอขายให้ทุกคนช่วยกันซื้อ อย่างน้อยที่สุดที่ไม่เกี่ยวกับงานโดยตรง ก็ยังต้องมีเรื่องน่าปวดหัวอย่าง 'วางแผนการเงิน' จากเขาให้ได้ยิน

      ผมเคยหลงไปคุยกับยานูเกี่ยวกับงานของเขาอย่างจริงจังครั้งหนึ่ง ซึ่งที่จริงในคราวนั้นผมก็ไม่ใช่ฝ่ายเริ่มการสนทนา เป็นยานูเองที่พยายามจะมาชักชวนผมให้เป็นสมาชิก แม้ไจเดจะเตือนเขาแล้วก็ตามว่าอย่าเสียเวลากับผมเลย เนื่องจากผมเคยประกาศว่าอาร์มแวร์คืออาชีพสุดท้ายในสายตา แต่คงห้ามไม่ได้ เพราะในสายตาของยานูก็ยังคงเห็นความหวัง และไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจเดิม ตามประสานักขายที่ดีที่ย่อมเห็นโอกาสในวิกฤตอยู่เสมอ

      "ข้าไม่เชื่อว่าธุรกิจอาร์มแวร์เป็นงานที่ดี ข้าว่ามันมีอะไรน่าเคลือบแคลงอยู่มากมาย" ผมกล่าวแย้งตรงๆ
"เช่นอย่างไรล่ะ?"
"เหมือนเขาพยายามปั้นจินตนาการหลอกชาวบ้าน ให้เห็นภาพว่าการประชุมหรูหรา มีการจัดเที่ยวนอกหมู่บ้านทุกปี เจ้าของอาร์มแวร์ติดอันดับเศรษฐี อะไรแบบนี้ ซึ่งธุรกิจอื่นข้าไม่เห็นมีใครเขาทำกัน"
"นั่นมันแล้วแต่คนจะนึกภาพมิใช่หรือ ..ถึงท่านจะเห็นเป็นการหลอก ก็เห็นอยู่ว่าท่านเองมองทะลุมันได้"
"ข้าอาจจะพูดผิดประเด็น ที่ข้าไม่ต้องการทำก็เพราะ.. งานนี้ดูไม่บริสุทธิ์ใจ หวังผลจากผู้คนรอบตัวอย่างบ้าเลือดเกินไป" ..จนเข้าข่ายน่ารังเกียจ ผมเติมประโยคในใจ
"มันมิใช่อย่างนั้น หลักการมันก็เพียงง่ายๆ เองท่าน ..ถ้าเรายอมรับการพิสูจน์แล้วว่าสินค้าดีจริง เราก็ควรใช้มันมิใช่หรือ" ยานูค่อนข้างใจเย็น สมแล้วที่เป็นนักขายดาวรุ่ง
"ก็ใช่.." ผมพยักหน้า
"และเมื่อเรารู้จักของดีๆ เราก็ควรอยากแนะนำสิ่งดีๆ กับเพื่อนๆ มิใช่หรือ" เขาคิดแทนให้เสร็จสรรพ
"ก็ใช่.." ผมพยักหน้า แต่ก็กอดอกไปด้วย
"แล้วท่านเห็นเป็นเรื่องไม่บริสุทธิ์ใจไปได้อย่างไร"

      ผมเกือบจะจนมุมกระดานในการสนทนาครั้งนั้น คิดว่าแม้อธิบายความรู้สึกต่อไปเพียงไร เขาก็ล้วนมีคำตอบที่เตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่จู่ๆ ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้..
"ข้าเข้าใจท่านแล้ว ขอบคุณมากๆ ที่ท่านช่วยแนะนำสิ่งดีให้กับข้า.." ยานูฟังแล้วยิ้ม ผมพูดต่อ "..และเดี๋ยวข้าจะรีบไปสมัครสมาชิกกับไจเดในทันที"
เพียงเท่านั้นสีหน้าของยานูเจื่อนลงอย่างสังเกตได้ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรผมจึงรีบเฉลย
"ฮ่ะๆๆ ข้าล้อเล่นน่ะท่าน.. ท่านเห็นหรือยังว่าความไม่บริสุทธิ์ใจเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ข้าก็กำลังจะได้ใช้สินค้าดีๆ ตามที่ท่านแนะนำแล้วไงเล่า เหตุใดท่านยังมิพอใจอีก"
เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นยานูพูดอะไรไม่ออก

      หลังจากนั้นเขายังคงแวะมาหย่อนใจที่แปลงผักของผมและเทซิอยู่เรื่อยๆ โดยไม่ได้มีใจจะชักชวนใครให้ร่วมงานกับเขาอีก ผมคิดไปว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้มีเพื่อนจริงๆ เสียที ความจริงในการคบเพื่อนนั้นใครจะทำอาชีพอะไรก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อาชีพพูดโน้มน้าวใจให้สมัครขายอาร์มแวร์ก็ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ ตราบใดที่ยังไม่นำเรื่องเหล่านี้มารบกวนจิตใจเพื่อนๆ ..ดูอย่างเทซิผู้มีงานขายหวยเป็นอีกหนึ่งอาชีพ เขาก็ไม่เคยนำหวยมายัดเยียดขายเพื่อน เพียงแค่บอกให้เพื่อนๆ รับทราบว่าเขามีงานนี้เป็นอาชีพเสริม เผื่อวันดีคืนดีใครอยากซื้อหวยจะได้เรียกหาเขาเอง

      ฝ่ายไจเดนั้น เริ่มต้นทำธุรกิจอาร์มแวร์ได้ไม่ถึงปีก็เลิกไป

      ผมเคยลองถามเหตุผลในการตัดสินใจเลิกของไจเด ด้วยความสงสัยว่ามันไม่ดีอย่างไร ความฝันอันหอมหวานเมื่อครั้งถูกชักชวนโน้มน้าวใจไม่เป็นความจริงหรือ เขาตอบในทำนองว่า เอาจริงแล้วมันก็เป็นงานที่ดี ผลตอบแทนและทุกอย่างเป็นระบบที่ดี ยุติธรรม และมีโอกาสทำรายได้สูงได้โดยง่ายด้วย เขาคิดว่าหากเขาทำงานนั้นต่อไปอย่างสบายๆ อีกเพียงหนึ่งปี เขาจะมีรายได้มากกว่าเพื่อนผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่เลยทีเดียว แต่เหตุที่เขาหยุดงานนี้อย่างกะทันหันก็เพราะ..

      "รู้ไหมท่าน ในช่วงที่ข้าขายอาร์มแวร์อยู่นั้น คนรอบข้างมองข้าด้วยสายตาดูถูกอย่างพิลึกเพียงไร" ผมตกใจเล็กน้อย "มันไม่เหมือนสายตาของพวกเขาคนเดิม ราวกับว่าเขาเหล่านั้นก็มิได้มองข้าเป็นไจเดคนเดิมเช่นกัน.."
"หืม.." แม้ผมจะเคยคิดเรื่องแบบนี้บ้าง แต่ก็ยังแปลกใจที่ได้ยินคำยืนยันอย่างนั้น
"ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าข้าเปลี่ยนไปจริงหรือไม่" เขาพูดต่อ "แต่พอถึงวันหนึ่งที่ข้าสุดจะทานทน ข้าก็ตัดสินใจเลยว่า ไม่เอาแล้ว! ข้าไม่อยากเสียเพื่อน!"
สองประโยคสุดท้ายเขาทุบโต๊ะและดันตัวขึ้นยืน เหมือนจำลองเหตุการณ์ในอดีตให้มาอยู่ตรงหน้า ผมจึงได้เข้าใจอารมณ์ของเขาอย่างชัดเจนขึ้น

      "ข้าคิดว่าเจ้าของอาร์มแวร์คงกินเงินค่าสมัครของผู้ที่เลิกทำไปได้ไม่น้อย" ผมตั้งแง่โจมตีอาร์มแวร์
"อันที่จริงภายในสามเดือนแรกอาร์มแวร์ยินดีคืนค่าสมัครให้ เพียงแต่ในช่วงนั้นกลับไม่ค่อยมีใครเลิก เพราะถูกวลี 'ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้' ค้ำคอเอาไว้" เขานั่งลง ยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางส่ายหัว
"แล้วตัวท่านล่ะ นึกเสียดายเงินจำนวนนี้หรือไม่"
"ถ้าแลกกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่ได้คืนกลับมา ข้าคิดว่ามันก็ไม่แพง" ไจเดพูดแรง แต่แฝงความเท่
"ถ้าคุ้มขนาดนั้น ข้าน่าจะลองไปสมัครแล้วเลิกบ้าง.." ผมแซว

      แต่ไจเดยังคงจริงจัง "ข้าพูดตรงๆ.. แม้ข้าขายอาร์มแวร์แล้วรวยมหาศาลได้ ข้าก็ไม่ภูมิใจเลยสักนิด บิดามารดาของข้าก็คงเช่นกัน เพราะงานนี้มิได้ใช้ความสามารถ หรือแม้แต่จะเทียบกับความภูมิใจจากการขายแรงงานอย่างที่ข้าทำอยู่ก็ยังมิได้เลย ราวกับหากินโดยการเหยียบผู้อื่นขึ้นไปรวย"
จากประสบการณ์ของไจเด เขามองว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพอาร์มแวร์ จะต้องเตรียมใจพร้อมแล้วที่จะสลัดเพื่อนฝูงญาติมิตรทิ้งไว้ที่เบื้องล่างให้หมด แล้วถีบตัวทะยานขึ้นสู่ฟ้าแต่เพียงผู้เดียว
"ห่างออกไปไกลๆ ได้อย่างใจ แล้ว.. จะเหงาไหมนะ" ผมรำพึง ในใจนึกถึงยานู
"อย่างน้อยก็คงไม่โดดเดี่ยวนัก เพราะยังมี 'เพื่อน' ในอาร์มแวร์อีกตั้งมากมาย ทั้งแม่ข่ายลูกข่ายที่จะหอบหิ้วกันขึ้นไป" เขาค่อยดูผ่อนคลาย และเหมือนกำลังนึกขำคำว่า 'เพื่อน'
ผมเสริม "..หอบหิ้วด้วยความปรารถนาดีเป็นล้นพ้น แต่ถ้าใครหยุดทำเงินให้ ก็จะถูกปล่อยมือร่วงลงมาทันทีใช่ไหม"
เรามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
จังหวะนั้นเองที่ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมยานูผู้ได้พบปะผู้คนมากมายกลับรู้สึกขาดเพื่อน



-3-

      ตั้งแต่ผมเลิกทำแปลงผักร่วมกับเทซิเมื่อสองปีก่อน ยานูก็หายหน้าไปเลยเพราะไม่มีสถานที่ให้พักพิงหย่อนใจแล้ว ตัวผมเองก็ร้างจากการมาเยี่ยมหมู่บ้านแห่งนี้เสียนาน อาจได้เจอกับเทซิ ไจเด และคนอื่นๆ เพียงบางโอกาสเท่านั้น จนกระทั่งไม่นานมานี้ ที่เทซิชวนให้ผมแวะมาช่วยดูแลพืชพันธุ์ในแปลงผสมของเขากับพีอาอยู่เนืองๆ ผมจึงได้กลับเข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้บ่อยเช่นเดิม แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวเรื่องยานูจากใครเลย จนคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ป่านนี้เขาอาจจะบินสูงกว่าระดับที่เราจะแหงนมองได้แล้วล่ะมั้ง

      ความจริงเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งได้ทราบเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือ เทซิเคยนัดพบยานูเพื่อจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์การขาย แต่ยานูกลับหลบหนีหน้า เรื่องนี้ยานูเป็นผู้เล่าให้ผมฟังเองเมื่อเราบังเอิญเจอกันใกล้ๆ แปลงผักของเทซิ และทักทายกันตามประสาคนรู้จักเรียบร้อยแล้ว

      "ข้าก็อยากเจอเทซิอยู่นะ เผื่อจะได้เล่าอะไรให้ฟัง ให้เขาเปลี่ยนจากขายหวยมาเป็นน้ำมันมวย ซึ่งมันดีกว่ากันจริงๆ"
"อย่างนั้นแล้ว ทำไมท่านต้องหลบเขาล่ะ กลัวเขาจะมาชวนไปขายหวยบ้างหรืออย่างไร" ผมแกล้งพูด
"หามิได้.. แต่เพราะเทซิเป็นพวกแข็งต่างหาก ดูท่าทางจะโน้มน้าวใจไม่ง่ายเลย"
"วิธีโน้มน้าวใจของท่าน เหมือนที่ข้าเคยได้ฟังมามากมายหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงสำเร็จยากนะ ข้าคิดว่า"
"ไอ้พวกที่ท่านเคยได้ฟังมานั้นมันเพียงวิธีเยาว์วัย มิเกิดผลหรอก แถมยังผิดกฎเหล็กของอาร์มแวร์ด้วย"
"หืม.. กฎเหล็กอย่างไร?"
"ภายในสามเดือนแรก ห้ามพูดชวนใคร ให้ฝึกฟังจากรุ่นพี่เท่านั้น.." ยานูขยายความ ผมคิดเรื่องระยะการคืนค่าสมัครให้ ซึ่งเท่ากับ 3 เดือนเช่นกัน
เขาพูดต่อ "..ส่วนข้า ตอนนี้ข้ามีทีมงานของตนเองกลุ่มหนึ่ง ล้วนใช้วิธีพูดที่มีประสิทธิภาพ ที่ข้าวางแนวทางขึ้นมาเอง"

      ผมวกกลับมาเรื่องเดิม "ในเมื่อท่านก็ทำคนละอาชีพกับเทซิอยู่แล้ว ท่านอยู่พบเขาเพื่อให้คำแนะนำแก่กันบ้างก็น่าจะเป็นการดี"
"พูดตรงๆ เลยนะท่าน ข้าจะแนะนำไปเพื่อเหตุใด มีสักกี่คนที่คิดอยากแพร่งพรายเคล็ดลับส่วนตัวแก่ผู้อื่น? ท่านลองตรองดูสิ แม้ข้าสอนเทซิไป ก็มิเกิดประโยชน์อันใดขึ้นมากับตนเอง! แล้วข้าจะเหนื่อยเปล่าเพื่อเหตุใด!"

      ฟังแล้วชวนให้สงสัยว่า ไม่มีเศษเสี้ยวความอารีอยู่ในสายงานการขายน้ำมันมวยเลยสักนิดหรือ บางทีอาร์มแวร์อาจจะสอนให้เขาเล็งเห็นถึงผลประโยชน์สูงสุด เฝ้าคำนวณแต่ผลกำไรส่วนตัว และส่วนแบ่งที่จะได้จากกำไรของคนอื่น และทั้งหมดของทุกวันในชีวิตเขาอาจมีอยู่แค่เท่านั้น

      ทันทีที่ยานูพูดว่า บอกเทซิไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมากับตัวเอง ผมนึกอยากชี้ให้เขาเห็นเหลือเกินว่า "..ได้เพื่อนไงล่ะ!" แต่แล้วไม่รู้ทำไมผมจึงไม่ได้บอกเขาไป เพราะหากเป็นไจเดผมคงพูดไปแล้ว
หรือนี่อาจเพราะเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน.. จะบอกทำไม!


-----------------------------------------------------------------------------------------------

      เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..
(1) คนฉลาด ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดกว่า ที่รู้หลักจิตวิทยา
..พึงระลึกไว้ว่า สินค้า/ธุรกิจ ที่ดีจริง ไม่น่าจะต้องอาศัยการพูดโน้มน้าวใจระดับสูง

(2) ถ้าไม่อยากเสียเพื่อน เราไม่ควรทำธุรกิจร่วมกับเพื่อน ฉันใด
ก็ยิ่งไม่ควรเห็นเพื่อนเป็นบันไดทางธุรกิจของเรา ฉันนั้น


ป.ล. ถ้ายังชำแหละงานขายได้ไม่เต็มอิ่ม ท่านสามารถอ่านงานเขียนเก่าๆ ของผมได้ที่หน้านี้ครับ

(c) 2009 Kanit M. // งานเขียนนี้มีลิขสิทธิ์ ห้ามลอกเลียนหรือนำไปเผยแพร่ซ้ำ
Note: สำหรับผู้อ่านที่เป็นสมาชิก Multiply สามารถโพสต์ความเห็นได้ที่ ลิงก์นี้ เด้อ..
นวย 01/05/2009 22:44 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ