ห มู่ บ้ า น เ ส มื อ น ต อ น ที่ 4
ความเดิมตอนที่แล้ว ผมเล่าถึงเพื่อนชื่อ 'เทซิ' ซึ่งเป็นชาวหมู่บ้านแห่งนี้โดยกำเนิด แต่มีโอกาสไปเข้าศึกษาวิชาการเกษตรจากนอกหมู่บ้าน จึงได้รู้จักกับผมและเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา เทซิเป็นคนที่ทำงานเยอะมาก ไม่ว่าจะทำแปลงผักส่วนตัวหรือขายหวย และปัจจุบันเขายังหาเวลาส่วนหนึ่งกลับไปเข้าสำนักฟิตกล้ามอีกด้วย จนผู้คนรอบข้างต่างพูดกันว่าใครอยู่ร่วมกับเขาคงไม่มีวันอดตาย แต่ทุกคนก็ยังเป็นห่วงว่าเทซิจะมีเวลาหาความสุขส่วนตัวบ้างหรือไม่ เมื่อผมได้คุยกับเขาจึงทราบว่าปัญหาที่แท้ไม่ใช่เรื่องเวลา หากแต่เป็นเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองสนใจสิ่งอื่นใดนอกจากงานต่างหาก ทุกคนจึงด่วนสรุปว่า เขาคงเกิดมาเพื่อมีความสุขในงานมากมายที่ทำนั่นแหละ แต่ดูเทซิไม่ได้คิดเช่นนั้น
กิจกรรมพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ทุกคนในหมู่บ้านทำกันเป็นปกติสุขคือการเลี้ยงนก รับประกันว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสุขได้แน่นอน ฝ่ายเทซิเองนั้นก็เคยพยายามจะเลี้ยงนกเช่นกัน แต่ว่าไม่สำเร็จ เพียงเขาเข้าประชิดตัวนก นกร่าเริงตัวนั้นก็บินจากเขาไปใน 'วันแห่งการเลี้ยงนก' พอดี และเรื่องนี้ยังกลายเป็นปมฝังใจเขามาเนิ่นนานหลายปี ทำให้ตั้งแต่นั้นเขาได้แต่ขยันทำงานหนักขึ้นๆ และปฏิเสธการเลี้ยงนกอย่างเด็ดขาด.. เทซิได้แต่ชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย ดูคล้ายต้องข่มใจไม่ให้หวังอะไรไปมากกว่านั้น จนกระทั่งไม่นานมานี้เอง เขาก็มาบอกกับผมว่าได้ไปพบนกตัวหนึ่ง ที่สนามหญ้าของสำนักฟิตกล้ามที่เขาแวะเวียนไปฝึกวิชากล้ามเทพอยู่.. "ข้าอยากเลี้ยงนกตัวนี้!" เทซิประกาศปณิธานเสียงดัง ผิดกับเทซิคนขยันผู้ปิดผนึกจิตใจซึ่งผมรู้จักในช่วงหลายปีนี้เป็นอย่างมาก
นอกจากจะเข้าไปหยอกล้อเล่นกับนกจนเกิดความประทับใจในคราวแรก จนต้องรีบมาบอกปณิธานให้ผมฟังแล้วนั้น เขายังได้ถือวิสาสะตั้งชื่อให้นกว่า 'บีบี' อีกด้วย เป็นชื่อที่ไม่ค่อยลงทุนเท่าไร เพราะที่มาของบีบี ก็คือ บี-เบิร์ด นก นั่นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่เท่ไม่หยอกในหมู่บ้านที่ไม่ค่อยมีใครรู้ภาษาอังกฤษเช่นที่นี่ ..และแม้เขายังไม่ทันได้เลี้ยงนกจริงจัง เพียงไปหาที่สนามหญ้าทุกวันๆ แต่เทซิก็ตั้งตนเป็นพ่อของบีบีเสียแล้ว ทุกวันเขาเฝ้าเพียรพยายามฝึกให้บีบีพูดว่า 'รักพ่อ รักพ่อ' ให้ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรบีบีก็ไม่ยอมพูด ผมคิดว่าเขาอาจจะหวังไกลเกินไปหน่อย เพราะแค่การนำผลไม้ไปให้บีบีกิน ก็ยังไม่ค่อยจะกินเลย "ดูท่าอิดโรยเหมือนจะตายเอา" เทซิบอกผมเช่นนั้น ฟังแล้วก็ให้แปลกใจว่าเขาหยอกเล่นสนุกสนานกับนกได้ โดยนกไม่ตื่นกลัว แต่ทำไมกลับให้อาหารนกไม่ได้ พลอยให้ผมนึกสงสัยไปถึงเรื่องที่พูดกันว่าใครมาอยู่กับเขาคงไม่มีวันอดตาย มันจะเป็นแบบนั้นจริงหรือ
"บีบีกินผลไม้ที่ข้านำไปให้แล้วล่ะ!" เทซิเล่าในวันหนึ่งด้วยหน้าชื่นบาน
"อ้าว ท่านได้ทำเช่นไรต่างไปจากเดิมหรือ? หรือที่ผ่านมาท่านเข้าใจผิดไปเอง?"
เขาตอบแบบไม่ค่อยภูมิใจ "เอ่อ.. ข้าก็.. จับให้บีบีอ้าปาก แล้ว ใส่ลงไปในคอเลย.."
"เฮ้ย! ท่านไปทำแบบนั้นได้อย่างไร มิเป็นการบังคับนกเกินไปหรือ"
"ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ บีบีก็ตายสิ.. เอาเถิด เราอย่าสนทนาเรื่องนี้กันต่อเลย ในเมื่อวันนี้บีบีสามารถกินได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ดีใจ"
"การที่บีบีกินได้มันก็เป็นสิ่งดี แต่ท่านอย่ามัวดีใจอยู่เลย ข้าคิดว่าท่านน่าจะพยายามให้นกเรียนรู้ที่จะกินด้วยตัวเองนะ"
"สักวันหนึ่งบีบีก็คงรู้ว่าการกินคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้อีก"
ผมก็หวังให้เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่นดังที่เทซิว่าไว้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็คงไม่ได้มาเล่าเรื่องนี้อยู่ตอนนี้แน่
เรื่องแรกที่เกิดขึ้นคือ ใกล้ถึงวันประกาศผลหวยงวดนั้น เทซิมัวแต่ไปขายหวยทั่วหมู่บ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งลืมไปเสียสนิทว่ายังไม่ได้แวะไปป้อนอาหารให้บีบีเลย ปรากฏว่าเมื่อเทซิไปพบบีบีในวันรุ่งขึ้น ได้เห็นสภาพเจ้านกน้อยปางตาย เขาก็ตกใจและรู้สึกผิดเอามากๆ เทซิเฝ้าแต่กล่าวโทษตัวเองว่าลืมบีบีไปได้ยังไง ทำไมตนจึงไม่คิดถึงใจบีบีที่คอยอยู่บ้างเลย.. ผมเห็นเขาฟูมฟายดังนี้แล้ว ก็ยังคงยืนยันความคิดเดิมว่า โดยแท้จริงเขาไม่ได้ผิดตรงที่ลืมหรอก หากอยากจะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ควรรีบทำให้นกรู้จักการกินเองดีกว่า ยิ่งไปป้อนเรื่อยๆ ทุกวันๆ ในอนาคตก็มีแต่จะแก้ไขได้ลำบากขึ้น แล้วในที่สุดเขาก็อาจจะเลี้ยงบีบีไม่รอด! ..เทซิดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แต่ผมไม่ค่อยเชื่อว่าเขาได้ไปทำตามคำแนะนำบ้างหรือเปล่า เพราะผมก็พูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว และเขาทำหน้าเหมือนเข้าใจเสียทุกครั้งไป
เมื่อได้มาเจอกันอีกครั้งหลังจากนั้น เขาก็มีเรื่องมาเล่าเพิ่มเติมถึงช่วงเวลาที่เขาหยอกล้อเล่นกับบีบีอย่างสนุกสนาน ตลอดมาบีบีก็ร่าเริงไปกับเขาด้วย ดังนั้นถึงแม้บีบียังไม่พูดว่ารักเสียที แต่เขามั่นใจว่าบีบีมีใจรักเขาแน่นอน เรื่องนี้ผมก็ได้เพียงแต่ฟัง เพราะยังไม่เคยพบบีบีตัวเป็นๆ เลยสักครั้ง ..เมื่อใดที่บีบีทำเหมือนจะพูดได้ เทซิจะรีบนำมาคุยให้ผมฟังเสมอ ให้ผมคอยลุ้นไปกับเขาอยู่เรื่อยๆ ทุกวันๆ และเหมือนเทซิจะลืมปัญหาเรื่องการกินของบีบีไปเสียแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งเทซิก็เริ่มเบื่อ เขาพูดในเชิงหงุดหงิดว่า บีบีมันจะเอายังไงของมัน เหมือนจะพูดก็ไม่พูดสักที บทจะไม่กินอะไรก็ไม่กิน ต้องคอยให้ป้อนอยู่ตลอด บทจะขี้วันดีคืนดีก็ขี้ใส่หัวเขาเลย "ข้าสับสนมาก นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่วะ ตกลงสำหรับนกแล้วข้าคือใครกัน.." แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงครั้งคราว เพราะเมื่อหลายสัปดาห์ผ่านไป เดือนแล้วเดือนเล่า เทซิก็ยังเพียรเอาเรื่องใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการเล่นกับนก มาเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอๆ ปล่อยให้ผมงงอยู่ฝ่ายเดียว ว่าตกลงตอนนี้ดีหรือไม่ดีอยู่กันแน่.. ผมเริ่มไม่แน่ใจว่า การที่เขาคอยมาเล่าให้ฟังทุกเรื่องนั้น เขาอยากได้คำแนะนำของผมจริงหรือไม่ หรือเพียงต้องการให้มีใครฟังเฉยๆ แต่ที่ผมมั่นใจแน่นอนก็คือ บรรดา 'เรื่องใหม่' ของเขานั้น ล้วนเป็นเรื่องใจความเดิมทั้งสิ้น ไม่ว่าวันที่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ผู้ฟังสามารถสรุปเนื้อหาได้ภายใน 5 นาที แต่เขาก็เล่าย้อนไปย้อนมาครั้งละไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
เรื่องราวดำเนินมาแบบนั้นอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเทซิตัดสินใจนำบีบีกลับมาเลี้ยงที่บ้านตน และทำได้สำเร็จ.. ฟังดูเหมือนจะดี แต่ผมยังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงในการเลี้ยงนก ระหว่างเขาและบีบีอยู่เสมอ เพราะเขายังไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องการกินของบีบีเลย ทุกครั้งที่บีบีไม่ยอมกินอะไร เขาจะเป็นทุกข์มากจนต้องมาปรับทุกข์กับผม แต่พอบีบียอมให้ป้อนได้ตามปกติ เขาก็เอาแต่สนใจเฉพาะการเล่นสนุกสนานต่อไป คล้ายกับไม่มีปัญหาใดๆ อยู่เลยเสียอย่างนั้น.. เขาอาจไม่รู้ว่า การสร้างสิ่งดีๆ ขึ้นมาบดบัง จนทำให้ตนเองลืมปัญหาไปชั่วครู่นั้น ไม่สามารถหักล้างสิ่งไม่ดีทิ้งไปได้ หรือพูดให้ชัดเจนก็คือ การลืมปัญหาไม่ใช่การแก้ปัญหา ถึงเขาจะมีวิธีลืมมันได้ แต่ปัญหานั้นก็ยังคงอยู่ และรอวันปรากฏให้เขาเห็นอีกครั้ง และอีกครั้ง ไม่รู้จบ
'อีกครั้ง' ของเขานั้นเกิดขึ้นในไม่นานหลังจากบีบีได้มาอยู่ในบ้านเขาแล้ว เทซิจำเป็นจะต้องปล่อยบีบีอยู่บ้านลำพัง เมื่อเขาไปทำงานหรือไปฝึกกล้าม และแล้วจู่ๆ เขาก็มาปรับทุกข์ให้ผมฟังอีกระลอก
"ข้าคิดว่าต้องเป็นไอ้มาฮีแน่นอน ที่คอยแอบมาเสี้ยมให้บีบีพูดว่า 'ไอ้บ้า' ทุกวันๆ"
"หา.. บีบีพูดได้แล้วเหรอท่าน!" ดูเหมือนผมจะตื่นเต้นกว่าเขาในตอนนี้
"ใช่ ข้าล่ะเจ็บใจนัก ยังไม่ทันพูดรักพ่อเลย กลับมาว่าข้าเป็นไอ้บ้าเสียแล้ว"
น่าแปลกที่ทุกครั้งที่เทซิเล่าเรื่องบีบี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เขาก็จะเล่าด้วยสีหน้าไม่ค่อยออกอาการใดๆ มีเพียงแค่ยิ้มนิดๆ หรือเศร้านิดๆ เท่านั้น ชวนให้ดูเหมือนเขารู้สึกกับเรื่องเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ดุเดือดหรือแสนสุขเหมือนดังใจความที่เขาเล่าเลย
"แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเพราะผู้ที่ชื่อมาฮีนั่น"
"จะเป็นใครไปได้เสียอีกเล่า มีเพียงมันผู้เดียวที่ชาวบ้านเห็นว่ามาด้อมๆ มองๆ ใกล้รั้วบ้านข้าบ่อยๆ"
วันรุ่งขึ้นผมเห็นเทซิในอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่าเดิม จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น มาฮีไปเสี้ยมสอนอะไรบีบีอีกหรือ เขากลับตอบว่าไม่ได้โกรธมาฮี แต่โกรธบีบีมากกว่า ..เรื่องของเรื่องคือเขาได้ไปพบมาฮีเพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่อง แต่พอเจอกัน มาฮีก็บอกเทซิว่าที่ไปด้อมๆ มองๆ ที่บ้านเขานั้น เพราะเคยเห็นบีบีพยายามจะหนีออกจากบ้านอยู่บ่อยๆ จึงอยากหาโอกาสบอกเทซิให้ทราบเอาไว้ ดูท่าในวันนั้นเทซิจะเชื่อคำพูดของมาฮีอยู่พอสมควร
"แล้วเหตุใดบีบีจะต้องหนีไปจากท่านด้วยล่ะ?" ผมถาม เผื่อเขาอาจตรึกตรองให้ถ้วนถี่ขึ้น
"ข้าไม่รู้ บีบีอาจแกล้งเล่นกับข้าไปอย่างนั้น แต่ที่จริงมิได้มีใจรักข้าอย่างที่ข้านึกไปเอง"
งานนี้เทซิมีจิตใจรวนเรง่ายเกินไปหรือเปล่า
เรื่องมันยิ่งมั่วปนเปหนักขึ้นไปอีก เพราะเมื่อเทซิโกรธบีบี บางวันจึงพลั้งมือทำรุนแรงกับบีบีไปบ้าง แล้วพอบีบีดูท่าปั่นป่วน เขาก็ยิ่งกลับไปโทษว่าบีบีเป็นแบบนี้ก็เพราะมาฮีแน่นอน เทซิสรุปในทิศทางใหม่ว่ามาฮีแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกเขา และยังคงมาแกล้งบีบีอยู่เสมอ ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นคือ เทซิได้ยินมาว่ามาฮีไปพูดกับชาวบ้านหลายคน ว่าแท้จริงเทซิไม่ได้รักนก แต่เลี้ยงนกไว้โชว์เท่เท่านั้น และบีบีก็อยู่กับเทซิแบบจะตายมิตายแหล่ ..เขารู้มาดังนั้นก็เลยโกรธมาฮียิ่งขึ้น ผมฟังเรื่องนี้แล้วก็นึกเข้าข้างและเห็นใจเทซิอยู่มากเหมือนกัน ถ้าหากเป็นจริงดังที่เล่า
แต่แล้ววันหนึ่ง ณ ร้านกาแฟประจำหมู่บ้าน ขณะที่เทซิกำลังเล่าเรื่องใหม่ที่ไม่ต่างจากเก่าให้ผมฟังอยู่ แถมยังเพิ่มเรื่องซ้ำๆ เกี่ยวกับมาฮีเข้ามาอีกด้วย ผมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
"เอ๊ะ.. เป็นไปได้ไหมว่าทุกอย่างที่ผ่านมา ท่านคิดไปเอง!" ผมรู้สึกว่าสิ่งที่มาฮีกล่าวก็น่าคิด "บีบีอาจเป็นมิตรกับทุกคนอยู่แล้วเป็นปกติ มิได้มีใจกับท่านเป็นพิเศษ.. ทุกอย่างที่ผ่านมาท่านอาจเป็นผู้บังคับให้มันเป็นไปแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว"
เทซิรีบเถียง "แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดท่านจะอธิบายว่ายังไงล่ะ ข้าคิดไปเองหมดเลยได้จริงเหรอ"
"ข้าก็กล่าวไปแล้วนั่นไงล่ะ ..แต่ถ้าจะให้ข้ายืนยันว่าเป็นจริงข้าคงทำไม่ได้ ข้าจะไปรู้เรื่องจริงได้อย่างไร ในเมื่อข้ายังไม่เคยเจอบีบีตัวจริงสักครั้งเลยนี่หน่า รวมทั้งมาฮีด้วย เรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มข้าก็ฟังจากที่ท่านเล่าเท่านั้น"
"แต่ข้าก็เล่าไปตามความจริงทั้งหมดนั่นแหละ"
"ข้าก็ไม่ได้ว่าท่านแบบนั้น.. มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสายตาของท่านแน่นอน เพียงลองคิดอีกแง่ว่ามันก็เป็นไปได้ ที่สุดท้ายเรื่องมาหักมุมจบ แบบท่านมองมุมนี้ไปเพียงฝ่ายเดียวน่ะ.."
เทซิดูท่าทางไม่อยากจะเชื่อแบบนั้น และดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกัน เขายืนยันว่าเขาสื่อใจกับบีบีได้ว่าที่จริงในใจก็รักกันอยู่ ผมเริ่มไม่อยากเชื่อเขาแล้ว เพราะถ้ารักกันจริงเรื่องคงไม่ดำเนินมาแบบร่อแร่เช่นนี้หรอก
"ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นได้จริง สิ่งที่ข้าเห็นก็ยังไม่แน่ชัดอยู่ดี แล้วข้าจะยอมให้บีบีจากไปโดยที่ยังคาใจได้อย่างไร"
เทซิพูดเรื่องที่ขัดแย้งอยู่ในตัว เพราะในเมื่อเรื่องดำเนินแบบนี้มาโดยตลอด จู่ๆ จะให้บีบีแสดงออกต่างจากเดิมให้เขาเห็นแน่ชัดกับตาทันที มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ผมว่าเขาไม่ควรคิดเช่นนี้เลย อาจมีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้
ตอนนี้ผมชักสงสารนกแล้วเหมือนกัน ไม่รู้บีบีตกอยู่ในสภาพเช่นไร รู้สึกว่าสิ่งที่ผมแนะนำเทซิไปทั้งหมดตั้งแต่แรกล้วนเปล่าประโยชน์ เพราะเรื่องที่เขาเล่านั่นเองชักพาให้ผมหลงทาง เช่น มัวแต่แนะนำว่าควรทำตัวเช่นไรในการเลี้ยงนก ต้องดูแลเอาใจใส่เพียงใดจึงพอเหมาะ ต้องมีเวลาหยอกล้อเล่นกับนกอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ควรเล่นมากเกินไป และไม่ควรทำทุกอย่างเหมือนเดิมเพราะนกอาจจะเหี่ยวเฉาได้ ฯลฯ สุดท้ายเรื่องการเลี้ยงนกครั้งนี้ของเทซิอาจจะเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง ที่ประเดี๋ยวก็เลยผ่านไป.. หรือผมควรแนะนำให้เขาหัดมองอะไรตามความเป็นจริงก่อน อาจจะดีกว่า
ขณะกำลังคุยค้างคากับผมอยู่ ณ ร้านกาแฟ เทซิยังอุตส่าห์หันไปเล่าให้ชาวบ้านโต๊ะข้างๆ ได้ฟัง 'เรื่องใหม่' ของเขาด้วย จนผมแปลกใจว่าทุกคนรู้เรื่องมาก่อนทั้งนั้นเลยหรือ รู้ทุกอย่างเท่าที่ผมรู้เลยด้วย ขณะนั้นผมจึงนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นเทซิไปเล่าเรื่องให้คนนั้นคนนี้ฟังอยู่บ้างเหมือนกัน
"เฮ้ย! ข้าว่าท่านเอาสักอย่างให้ชัดเจนดีกว่านะ ท่านอยากเลี้ยงบีบีจริงๆ หรือแค่อยากโชว์กันแน่.."
"นี่ท่านคงหลงเชื่อคำพูดของมาฮีเสียสนิทแล้วล่ะนะตอนนี้ ..เมื่อข้ามีทุกข์ข้าก็ต้องหาที่ปรับทุกข์สิ"
"ข้าอยากแนะนำท่านว่า เมื่อท่านอยากเลี้ยงจริงๆ ท่านควรเอาเวลาไปดูแลนกเถิด อย่ามามัวเที่ยวเล่าสู่คนนู้นคนนี้เป็นการใหญ่เลย ท่านอาจเล่าเพียงคนสองคน ซึ่งนั่นก็นับว่ามากพอแล้ว.. ท่านอย่าลืมสิว่าแท้จริงไม่มีใครช่วยแก้ปมให้ท่านได้นอกจากตัวท่านเองหรอก"
หลังจากการสนทนาที่ร้านกาแฟในวันนั้น ผมไม่ได้ฟังเรื่องของเทซิอีกเลย เพราะหลุดปากบอกเขาไปว่าเบื่อที่จะฟังเรื่องใหม่ใจความเดิมแล้ว เรื่องที่วนไปวนมาซ้ำเก่าให้ต้องแนะนำแบบเก่าเรื่อยไปไม่สิ้นสุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นเทซิจึงไม่ได้มาเล่าอะไรเพิ่มอีกเลย เรื่องของบีบีเป็นอย่างไรต่อจึงสุดจะคาดเดา
แต่แล้ววันนี้เองเทซิก็อดรนทนไม่ไหว ต้องมาบอกเรื่องใหญ่กับผม นั่นคือ สุดท้ายบีบีก็บินหนีจากเขาไปแล้วจริงๆ! ..เทซิยังคงเล่าด้วยสีหน้ายิ้มนิดๆ เจื่อนหน่อยๆ ตามสไตล์เขาล่ะ
"เฮ่ย! แล้วท่านจะทำอย่างไรนี่.." ผมตกใจกว่าเขาอีกแล้ว
"อ้าว จะทำอย่างไรเล่า ข้าก็เอามาเล่าให้ท่านฟังอยู่นี่ไง.."
"หา!.. อ๋อ เอ้อ ดีๆ" ผมหัวเราะแบบงงๆ ตกลงเรื่องบีบีที่ได้ฟังมาทั้งหมดนี่ มันเรื่องจริง หรือใส่ไข่เข้าข้างตัวเองไปสักเท่าไรเนี่ย
ส่วนเทซิกับการเลี้ยงนกจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ คงต้องปล่อยเขาทำไป..
แบบนี้คงเป็นสิ่งที่เขาค้นพบแล้ว 'ความสุขของเทซิ'
-----------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..
(1) การป้อน ไม่ดีเท่าฝึกให้กินเอง
การฝึกให้พูดว่ารัก ก็ไม่สามารถเทียบได้กับการรักเองด้วยใจจริง
ป.ล. จะว่าไป เดี๋ยวนี้ขนาดคนยังพูด รักพ่อๆ กันแบบนกแก้วนกขุนทองเลย แล้วก็ทำชั่วต่อไป
(2) ทำให้สำเร็จด้วยดีแล้วอยากคุยค่อยคุย ย่อมได้แน่นอน
แต่ถ้าเอามาคุยก่อนทำเสร็จ อันนี้จะมีโอกาสไม่สำเร็จสูง
..พูดง่ายๆ "ต้องทำเพราะอยากทำ ไม่ใช่ทำเพราะอยากโชว์ว่าตูก็ทำ"
(c) 2009 Kanit M. // งานเขียนนี้มีลิขสิทธิ์ ห้ามลอกเลียนหรือนำไปเผยแพร่ซ้ำ
Note: สำหรับผู้อ่านที่เป็นสมาชิก Multiply สามารถโพสต์ความเห็นได้ที่
ลิงก์นี้ เด้อ..
นวย