0511
ถ้าพูดได้ ถ้าเลือกได้
แสดงทั้งหมด

บล๊อกแท็ก (5) : งานคืองาน (และไม่ค่อยได้เงิน)ตอบ: 4, อ่าน: 1688

ในที่สุดบล๊อกแท็กก็มาถึงตอนสุดท้ายซะที (หลังจากดองไว้จนเปรี้ยวเค็มกำลังได้ที่)
..และเนื่องจากผมวางโครงไว้แล้วตั้งแต่แรก ว่าแต่ละตอนจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร
โดยเรียงลำดับความแปลกจากน้อยไปมาก ดังนั้นตอนสุดท้ายนี้จึงน่าตื่นเต้นที่สุดเลยเจียวแหละ

ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่ารวบรัดตัดความเกี่ยวกับเรื่องงาน เพื่อโยงไปสู่ประเด็นหลักของตอน..
ถ้าถามว่าตั้งแต่เรียนจบมา ในช่วง 5 ปีกว่าๆ นี้ ผมทำงานอะไร คำตอบก็คงเป็น
"เขียนหนังสือคณิต ม.ปลาย และมีสอนพิเศษ (กลุ่มเล็กๆ สองสามสี่ห้าคน) อยู่เรื่อยๆ"

มันเริ่มจากนั่งสอนในคณะตัวเอง คณะอื่นในจุฬาฯ ร้านอาหารในสยามบ้าง ชิดลมบ้าง
เรื่อยมาจนหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านเล็กๆ ที่สามย่าน แต่แล้วก็ปิดไปในระยะเวลาเพียงปีครึ่ง
ก็เริ่มจะเบนเข็มไปเขียนหนังสือขายอย่างจริงจัง (สอนแค่นิดหน่อยพอมีเงินใช้ประจำวัน)
ปัจจุบันร้านที่สามย่านกลับมาเปิดอีกครั้งแล้วครับ แต่ผมไม่ได้เป็นหุ้นส่วนด้วยแล้ว
เพราะไม่สามารถไปสอนเต็มๆ ทุกวันได้ เนื่องจากต้องแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งนั่งทำหนังสือด้วย
จึงแค่ไปยืมสถานที่เขาสอนเฉยๆ ..ให้หักรายรับไปช่วยค่าเช่าบ้าง ก็ถือว่าลงตัวกันดี

อันที่จริงผมก็ไม่เคยคิดหรอกครับ ว่าจบมาแล้วจะเลี้ยงชีพด้วยงานลักษณะนี้
แต่ว่า ตั้งแต่เริ่มรับสอนพิเศษเล่นๆ ตอนอยู่ปี 1 เป็นต้นมา ผมก็ไม่เคยได้เลิกสอนเลย
จะมีเด็กๆ ติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ จากการแนะนำ บอกต่อ หรือเพื่อนโอนมาให้บ้างก็มี
ยังไม่เคยได้โปรโมท โฆษณา หว่านล้อม ชักจูง ด้วยวิธีใดๆ ทั้งสิ้นเลยล่ะ..


มันก็ฟังดูดี ชีวิตมีสุขดี แต่จริงๆ แล้วช่วงสองปีหลังนี้ลูกศิษย์ชักจะน้อยลงๆ อย่างน่าใจหาย!
ถึงแม้ผมต้องการจะแบ่งเวลาไปทำหนังสือก็จริง แต่การที่เด็กลดลงเยอะอย่างงี้มันก็น่าวิตกนะ
..ส่วนนึงคงเป็นเพราะเคยปฏิเสธไม่รับใครเลย ตลอดช่วง 1 ปี ที่ได้ปิดร้านลง ทำให้ "สายขาด"
คือเมื่อรุ่นเก่าๆ เข้ามหาลัย เริ่มโตๆ กันไปหมด ก็จะเริ่มห่างน้อง และไม่เกิดการแนะนำต่อแล้ว
ถ้าผมไม่ได้รับมาสอนอย่างต่อเนื่องทุกรุ่น ก็จะเกิดอาการสายขาดทันทีเลย
..แต่ผมว่าอีกส่วนคงเป็นเพราะ วัยของผมมันเริ่มห่างจากเด็กๆ มากขึ้นทุกทีๆ แล้วด้วยแหละ
ดังนั้นก็ไม่รู้ว่างานสอนพิเศษจะทำไปได้นานอีกแค่ไหน คงต้องเริ่มมองหางานอื่นมารองรับด้วย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ถ้าว่ากันโดยละเอียด งานสอนพิเศษและเขียนหนังสือคณิต มันมีขั้นตอนมาแบบนี้ครับ..
1. ตอนอยู่ปี 1 ผมลองชักชวนน้องๆ ให้มาติว.. คืออยากสอนเพื่อไม่ให้ตัวเองลืมความรู้ ม.ปลาย
โดยปีแรกนั้นมีทั้งกลุ่มที่สอนฟิสิกส์ (ม.6) และกลุ่มที่สอนคณิตศาสตร์ (ม.4)
กลุ่มแรกในชีวิต (ต้น/เหลียง) ผมสอนวิชาฟิสิกส์ครับ เพราะผมได้คะแนน Ent ฟิสิกส์ 95
แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้สอนฟิสิกส์อีกเลย เพราะน้องกลุ่มนี้มันดันเรียนแล้วได้คะแนนลดลง!

(จวบจนปัจจุบันก็ได้ลืมความรู้ฟิสิกส์ไปแล้วอย่างหมดสิ้น ..แม้แต่วิชาไฟฟ้าที่เรียน ป.ตรี
มาโดยตรง ก็ชักจะจำไม่ค่อยได้แล้ว ถ้ามีใครเอาโจทย์มาถามคงต้องรื้อฟื้นวิชากันยกใหญ่)

2. ช่วงอยู่มหาวิทยาลัย 4 ปี ก็เลยสอนมาตลอด ส่วนใหญ่จะเป็นน้องๆ ของเพื่อนฝูงทั้งนั้นเลย
อันนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทั้งหลายที่ให้ความไว้วางใจ.. อิๆๆ
และจุดนี้ล่ะมั้งครับที่ทำให้ผมได้สอนแต่ ม.ปลาย มาโดยตลอด จนไม่ต้องฝืนใจรับสอน ม.ต้น
(เคยลองสอน ม.ต้น อยู่สองสามครั้ง ก็ต้องขอเลิกสอนทุกที เพราะเด็กไม่ตั้งใจเท่า ม.ปลาย)
อ้อ.. ช่วงเดียวกันนั้น ผมได้รับเชิญไปสอน (วิชาพื้นฐานวิศวะ ในส่วนของไฟฟ้า)
และไปพูดคุยให้น้องๆ ม.6 ฟัง (บนเวทีปัจฉิมฯ) ที่ ร.ร. เก่า อันสุดจะผูกพัน ด้วยแหละครับ

3. พอเรียนจบมาก็ยังไม่อยากรีบทำงาน แต่ช่วงแรกไม่มีตังค์ใช้ เลยต้องรับสอนพิเศษไปพลางๆ
โดยเน้นนั่งที่ฟู้ดคอร์ท สยามเซ็นเตอร์ ..เรียกว่าไปบ่อยแทบทุกวัน จนกระทั่งมีเรื่องกับเจ๊ชุดดำ
(หาอ่านเรื่องนี้ได้ในตอนเก่าๆ ครับ)
และเรื่องเจ๊ชุดดำนี่เอง ที่มีส่วนเป็นแรงขับดันอันยิ่งใหญ่ในอีก 2 เรื่องด้วยกัน..
   (1) ผมพยายามจะเปิดสถานที่สอนเป็นของตัวเอง โดยหุ้นกับเพื่อนที่สนใจอีก 2 คน
   เริ่มจากทดลองยืมสถานที่สอนข้างๆ ร.ร.วัดสุทธิฯ แล้วก็ได้ย้ายมาเปิดร้านที่สามย่านจนสำเร็จ
   (2) ผมเริ่มเอาชีทที่เป็นลายมือเขียน มาพิมพ์ให้เป็นระเบียบสวยงาม เพื่อให้ดูดีเวลาสอน
   จากนั้นพอพิมพ์ครบทุกบท ก็เอาไปลองแจกทางเว็บไทยแวร์ โดยตั้งชื่อว่า Math E-Book
   ช่วงแรกๆ นั้นเคยฮอตจนถึงขนาดที่ ยอดดาวน์โหลดติด Top20 อยู่หลายสัปดาห์เชียวล่ะ


4. เคยไปสมัครเป็นครู ร.ร. อยู่สามสี่แห่ง รับบ้างไม่รับบ้าง แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปทำครับ
เป็นเพราะใจไม่สู้กับงานประจำจริงๆ แหละ แถมงานครูนี่เงินเดือนก็น้อยเกินเหตุด้วย
(แอบสงสัยเหมือนกันว่าถ้าได้สอนที่ ร.ร.ตัวเอง เราควรเรียกอาจารย์ท่านอื่นว่าอย่างไร)

5. หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปเสนองานให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง พิมพ์ออกมาขาย
ก็ขายได้พอสมควรในช่วงแรกครับ ยอดขายรวมแล้วประมาณ 9,000 เล่ม (ในระยะ 2 ปี)
ผมจึงเริ่มวางแผนที่จะทำหนังสือไปด้วย และสอนพิเศษไปด้วยควบคู่กัน จนปัจจุบันนี้

..จะสอนล้วนอย่างเดิมไม่ได้แล้ว เพราะจะเหนื่อยมาก (และยังเหนื่อยใจกับบางกลุ่มด้วย)
แถมเวลายังมีจำกัด รับจำนวนกลุ่มได้เต็มที่ก็แค่ 6-7 วัน ต่อสัปดาห์ ก็จะขยายต่อไม่ได้
น่าจะเขียนหนังสือเพื่อกระจายความรู้ไปในวงกว้าง และให้ยอดขายทำหน้าที่ของมันไปเอง
แต่ครั้นจะเขียนหนังสืออย่างเดียวเลย โดยไม่สอนพิเศษเลย ก็คงไม่ได้
เพราะจะทำให้หมดไอเดียที่จะเอามาเขียน แล้วการอยู่บ้านทุกวันมันก็ไม่สนุกเลย..

หมายเหตุ
เรื่องดีๆ และโอกาสงามๆ ที่ผ่านเข้ามายังมีอีกหลายอย่างครับ แต่คงเล่าหมดในหน้านี้ไม่ไหว
ยกตัวอย่างสั้นๆ เช่น
- น้ำใจไมตรีจากผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย.. ผู้ปกครอง, ครูอาจารย์, ผู้อ่าน, ผู้ที่ขอไปแจก/สอน, ฯลฯ
- สอนไปแล้วมีน้องหลายคนที่ได้รับอิทธิพล เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิต มากกว่าแค่เรียนเลข
- สนพ.Provision ที่เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ผมชอบมาก เคยชวนผมเข้าไปคุยเรื่องหนังสือเล่มใหม่
- น้องหลายคนนึกว่าผมขโมย Math E-Book มาใช้สอน! ทำให้ผมรู้สึกว่างานนี้ก็พอจะดังแฮะ
- ได้รับอีเมลทักทาย ให้กำลังใจ ถามปัญหา ฯลฯ สารพัดรูปแบบ จากทั่วทุกภูมิภาค จากงานนี้
- เมื่อต้นปีมีโอกาสไปบรรยาย (ก็สอนน่ะแหละ) ให้น้องๆ ที่ราชบุรี ..เป็นอีกงานที่น่าประทับใจ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ปัจจุบัน Math E-Book เดินทางมาถึงรุ่นที่ 2.x และมียอดดาวน์โหลดรวมทะลุหลักแสนไปแล้ว
กำลังปรับปรุงใหม่ครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการทิ้งทวนก่อนจะไปเขียนแคลคูลัสเป็นเล่มถัดไป

ส่วนหนังสือฉบับตีพิมพ์ กลับหยุดขายดื้อๆ ซะอย่างนั้นครับ เพราะสำนักพิมพ์ไม่ยอมพิมพ์ต่อให้
เนื่องจากมีเรื่องกัน ..คือผมคิดว่าผมควรเลิกยุ่งกับที่นั่นแล้วล่ะ เพราะเจ้าของแกเป็นคนแย่สุดๆ
ไอ้เรื่องจ่ายเงินไม่เคยตรงเวลา อ้างนู่นนี่สารพัน ยังพอทนได้ แต่ครั้งล่าสุดนี่มันไม่น่าคบจริงๆ
แกสั่งให้ผมทำหนังสือชุดตะลุยโจทย์ หนาเป็นพันหน้า ใช้เวลาไปเกือบปีอ่ะครับ
แล้วเล่นทวงกันตลอดว่าเสร็จรึยังๆ แต่พอผมเอางานไปส่งเรียบร้อย กลับเอาไปดองอยู่ในตู้!
ถามกี่ทีก็บอกเดี๋ยวจะพิมพ์แล้วๆ ไม่ต้องห่วงๆ.. ขนาดผมพยายามทำทุกทางไม่ให้แกอ้างอะไรได้
เช่น ไปจ้างคนพิมพ์เฉลยเอง (แกจะได้ไม่ต้องอ้างว่ารอคนพิมพ์), จัดหน้าเอง, ตรวจปรู๊ฟเองด้วย
สุดท้ายแกก็ยังหาข้ออ้างจนได้แหละครับ แกบอกว่า คนปริ๊นท์ตั้งครรภ์ ไม่สามารถปริ๊นท์ได้! ตูจะบ้า!

ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาปีครึ่งแล้ว ไม่มีวี่แววของการได้ตีพิมพ์เลย และผมเลิกทวงถามแล้ว
ผมคิดว่านี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้หลุดออกจากความหลอกลวง ไม่ซื่อ ของที่นั่นได้ซะที

ปัญหาคือ ทั้งงานนี้และงานอื่นที่เขียนเสร็จแล้วหลายชุด ยังหาที่ที่รับพิมพ์ให้ไม่ได้ซะทีเนี่ยสิ..
..ชักไม่แน่ใจอีกต่อไปแล้ว ว่างานเขียนหนังสือจะเป็นงานที่ผมจะไปได้รอด

ตกลงงานสอนก็ดูท่าจะแย่ งานเขียนก็ดูท่าจะไม่รอดอีกหรือนี่..
ไม่ได้การละ! หลังจากแปะตอนนี้ลงเว็บแล้ว คงถึงเวลาขยันทำงานจริงจังได้ซะทีแล้วล่ะ!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้กลายเป็นการเขียนไดอะรี่ระบายความทุกข์ไปมากกว่านี้
เรามาเข้าสู่เรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้กันดีกว่าครับ.. ขอพาท่านย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว..
เรื่องนี้มีคนรู้ไม่กี่คน เฉพาะคนที่ใกล้ชิดสุดๆ เท่านั้นเอง (แม้แต่ครอบครัวผมยังไม่รู้เลยอ่ะ)
..นั่นคือ ผมเคยได้รับเชิญไปสนทนา (หรือสัมภาษณ์น่ะแหละ) เกี่ยวกับ Math E-Book
ในรายการที่ออกอากาศสดทางวิทยุ อสมท. 100.5 MHz (คืนวันอาทิตย์ที่ 10 ก.ค. 2548)


เอ๊ะ! จะเรียกว่ารับเชิญได้มั้ยหว่า..
ดีเจโทรมาล่วงหน้าแค่ 2 วัน แถมยังไม่รู้เลยว่า Math E-Book คืออะไร นึกว่าเขียนโปรแกรม
..คือแบบว่าเห็นยอดดาวน์โหลดเยอะดี และดันมีเบอร์โทรทิ้งไว้ เลยโทรมาเรียกซะเลย

ตอนแรกผมก็เกือบจะเปลี่ยนใจไม่ไปแล้วล่ะ เพราะติดสอน และรายการดูไม่น่าสนใจเลย
แต่ไหนๆ ก็รับปากเขาไปแล้ว และเพื่อนก็เชียร์ว่าไปเถอะ ไปเห็นบรรยากาศสดก็คุ้มแล้ว..
ไอ้เราก็จินตนาการถึงห้องแบบว่า สลัวๆ มีแผงควบคุม ปุ่มเยอะๆ มีไมค์หรูๆ แขวนอยู่ข้างหน้า
ปรากฏไปถึงไฟนีออนสว่างโร่ มีโต๊ะพับได้ตัวใหญ่ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง ไมค์หุ้มฟองน้ำวางบนโต๊ะ
ทั้งห้องมีดีเจหญิงสองคน กับชายควบคุมเสียงอีกคน เรียกเราไปเหมือนนั่งล้อมวงคุยกันซะงั้น!

เอ๊ะ! (อีกที) ..แล้วจะเรียกว่าสัมภาษณ์ได้มั้ยหว่า
ก็ดีเจแกเล่นพูดกันอยู่สองคน (เพื่อนๆ ผมที่นั่งล้อมวงฟังกันอยู่ในรถ เรียกว่า สองป้าแก่)
ไม่ปล่อยให้ตูได้พูดอะไรยาวๆ บ้างเลย ยิ่งมุขเมิกที่เตรียมไปนี่อย่าหวังจะได้ฮากันเลยล่ะ..

และที่รู้ๆ คือเรตติ้งผู้ฟังทั่วเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมผมกับดีเจแล้วน่าจะไม่เกิน 10 คน..
แต่เอาน่า ยังไงมันก็เป็นโอกาสแปลกๆ ครั้งนึงในชีวิต ที่เก็บไว้เล่าให้ลูกฟังได้ก็ละกัน.. 555

..และไม่น่าเชื่อครับท่าน! ขณะนี้เทปบันทึกรายการได้มาอยู่ในมือผมอีกแล้ว!
(ขอขอบคุณน้องหนึ่งและน้องนุช สองพี่น้องผู้น่ารัก ที่อุตส่าห์ทนนั่งฟังและช่วยอัดไว้ให้)
เชิญโหลดและฟังตามอัธยาศัย..อีกแล้วครับทั่น (ความยาว 36 นาที, ขนาดไฟล์ 7.72 MB)
Note: ลิงก์นี้เป็นลิงก์เก่าตั้งแต่ปี 2008 ปัจจุบันไม่มีไฟล์นี้แล้วครับ

ป.ล. (1) ผมเองก็เพิ่งจะได้ฟังครั้งแรกตอนเอามาถ่ายลงคอมฯ วันนี้เองแหละครับ
(2) ตอนท้ายๆ สปีดของเทปจะแปลกๆ นิดนึงครับ เป็นอาการผิดปกติจากม้วนเทป
(3) แล้วทำไมตูพูดได้ตะกุกตะกัก ย้ำๆ ซ้ำๆ เบิ้ลคำ ราวกับคนติดอ่างได้ยังงั้นล่ะว้า..

==========================================================

จริงอ้ะ! : เลขตอนวันนี้ 512 เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ยังไงน่ะหรือครับ
มันก็.. เป็นเลขยกกำลังฐาน 2 ยังไงล่ะ (โอ้ ในที่สุดก็แถมาได้อีกตอนนึงจนได้นะ)
512 คือ "สองกำลังเก้า" ..เปรียบเหมือนสองคนกำลังก้าวไปด้วยกันน่ะเอง ..ว่าไปนั่น!

นวย 13/09/2008 01:08 
>> แอบสงสัยเหมือนกันว่าถ้าได้สอนที่ ร.ร.ตัวเอง เราควรเรียกอาจารย์ท่านอื่นว่าอย่างไร

รู้แต่ว่า ถ้ามีโอกาสเป็นอาจารย์ในคณะตัวเอง ...อืมม์ อาจจะ imply ว่า รร.ก็คงคล้ายๆ คณะ
อาจารย์ท่านจะแก้ปัญหานี้ให้เราเองค่ะ อันนี้เห็นมาจากเพื่อนที่จบตรีปุ๊บก็เป็นอาจารย์+เรียนโทพร้อมกันเลยนะคะ
คือไม่ว่าอาจารย์ท่านนั้นจะอายุรุ่นราวคราวพี่หรือรุ่นราวคราวแม่เราแล้วก็ตาม
อาจารย์จะแทนตัวเองว่า 'พี่' แล้วบอกเราตรงๆ เลยว่า ให้เรียก 'พี่' ไม่ต้องเรียก 'อาจารย์'
ส่วนเราจะเปรี้ยวเรียกพี่ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจรึเปล่านี่ก็อีกเรื่อง :P

Shauฯ 13/09/2008 17:10  [ 1 ] 
อ่อ.. อย่างงี้นี่เอง
แล้วถ้าเป็นอาจารย์ที่เคยสอนเรามาตอนมัธยมล่ะ จะพี่ได้หรือเปล่าหว่า
นวย 15/09/2008 00:24  [ 2 ] 
สู้ๆ น้า
yupa 21/09/2008 23:17  [ 3 ] 
ไม่ได้แวะมาอ่านตั้งนาน นาน นาน น้าน นาน..............นานจิง คิดถึงนวยเรย ^______^ แต่ก้อรุ่ว่าสบายดี ใช่ม๊า เพราะยังมีแรงมาอัพบล๊อคได้ ชีวิตมันต้องสู้จิงๆเนาะโลกนี้ เบื่องานประจำเหมือนกาน ทำงัยดี T_T

วันนนี้เราก้อโคตรจะเซ็งเหมือนกันเรย เบื่อ Office ที่มีแต่ผู้ ญ ขี้เมาท์อ่ะ เฮ่อทำงานในโรงงาน โทรมๆ เหงื่อท่วมอยู่กะผู้ชายเถือนๆ ยังจะดีซะกว่า อย่างน้อยก้อไม่มีพิษไม่มีภัย
prim 24/09/2008 19:08  [ 4 ] 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ