ไม่ได้ช่วยโลกตอบ: 2, อ่าน: 2028

ผมเป็นคนประหยัดกินประหยัดใช้มาตั้งแต่เด็ก ติดเป็นนิสัยไปแล้วล่ะครับ
ช่วงนี้ใครๆ ก็ตื่นตัวกันเรื่องจะประหยัดกินประหยัดใช้ เพื่อช่วยถนอมทรัพยากรโลก
และลดมลพิษอันเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการ "โลกร้อน"
(ความจริงโลกไม่ได้ร้อนซะหน่อย คนบนโลกต่างหากที่ร้อน.. ผมถึงตั้งชื่อว่า "ไม่ได้ช่วยโลก")


เรื่องที่ทุกคนควรทำกันเพราะเป็นสำนึกที่ดี ถ้าไม่ทำจะเป็นการชั่วเลวนั้น คงไม่ต้องพูดถึง
ส่วนขั้นถัดมา ที่เป็นสิ่งที่บางคนทำบางคนไม่ทำ อันนี้ผมคิดว่าตัวเองพยายามทำทั้งหมดเลย
ทำมานานแล้ว โดยที่ไม่ต้องมีใครมาขู่ว่าถ้าไม่ทำแล้วเดี๋ยว "โลกร้อน"
(ก็บอกแล้วไงว่าโลกไม่ได้ร้อนซะหน่อย คนบนโลกต่างหากที่ร้อน.. ผมอ่ะ "ไม่ได้ช่วยโลก")


ตัวอย่างเช่น
- ซื้อของก็จะพยายามไม่เอาถุงพลาสติก หรือถ้าจำเป็นต้องหิ้วก็จะยัดรวมในถุงเดียวให้ได้
ผมคิดว่าการรับถุงมาแล้วทิ้ง ก็เหมือนมีขยะอายุพันปีชิ้นนึงที่เขียนชื่อเราแปะไว้นั่นแหละ
(เรื่องนี้พูดยากมากเลยครับ การจะให้คนที่มีความเชื่อว่าซื้อของต้องมีถุงหิ้วเพื่อหิ้วสะดวกๆ
หรือเพื่อแสดงความสุจริตใจ ก็ตาม.. เปลี่ยนมาเป็น "ไม่ต้องใส่ถุง" ให้ได้อ่ะ
..อ้อ! น่าชื่นชมและขอบคุณเจ้าของไอเดียดีๆ ที่สั่งให้พนักงานเซเว่นเปลี่ยนประโยคเด็ด
จากรับซาลาเปามั้ยคะ มาเป็นใส่ถุงหิ้วมั้ยคะแทน.. ผมคิดว่าวิธีนี้ช่วยลดขยะได้เห็นๆ เลยล่ะ)

- ไฟฟ้าไม่ใช้ก็ปิดก่อน จอคอมก็ปิดพักได้ น้ำก็ปิดชั่วครู่ได้
- กระดาษเหลือใช้ก็เอามาทดเลขหรือขีดเขียนอะไรเล่นด้านหลังได้
(เอ้า ยังมีคนส่วนนึงที่หยิบกระดาษ A4 ใหม่เอี่ยมมาทดเลขหน้าตาเฉย ตูล่ะโคตรเสียดาย)

- ใช้ของให้คุ้มค่า ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามแฟชั่น.. จะเปลี่ยนเมื่อจำเป็นเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดขยะ
(คอมพิวเตอร์เก่าใช้มา 9 ปี ปัจจุบันยังใช้เล่นเน็ตอยู่เลย, โทรศัพท์ก็ใช้ 4 ปีครึ่งเพิ่งเปลี่ยน)
- จะซื้ออะไรแต่ละทีก็คิดแล้วคิดอีก เลือกที่เจ๋งที่สุด ..แต่เจ๋งของผมคือหารแล้วคุ้มสุดนะ 555
- อะไรที่ไม่ได้ใช้ ถึงจะลดราคาถูกแสนถูกขนาดไหนก็ไม่เอา ไม่ซื้อเด็ดขาดเลย!

- จะไปไหนก็วางแผนเส้นทางให้รวดเร็วที่สุด, ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน/ค่ารถ
และถ้าตรงไหนเดินได้ มีเวลาเหลือก็เดินเอา ได้ชมนกชมไม้ให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ด้วย..

- ดูหนังจากแผ่นก็ยังรอนั่งดูพร้อมๆ กันได้ ไม่ใช่ต่างคนต่างดูคนละเที่ยว
เพราะนอกจากเปลืองไฟแล้ว เครื่องเล่นก็จะเสื่อมเร็วขึ้นด้วย
- ต่อเน็ตทีนึงก็ควรใช้ให้เต็มอัตรา ไม่ปล่อยให้มันอยู่ว่างๆ
ถ้าเกิดเหลือเวลา หรือจะนั่งอ่านอะไรนิ่งๆ ก็ควรเปิดดาวน์โหลดอะไรไปพลางๆ ด้วย
(เอ! แรกๆ ก็ดูช่วยโลกอยู่หรอกนะ หลังๆ เหมือนช่วยตัวเองประหยัดมากกว่า "ไม่ได้ช่วยโลก")


แต่นอกจากขั้นที่ว่ามาแล้ว ยังมีขั้นเทพไปกว่านั้นอีกครับ ที่ผมเพิ่งสังเกตว่าตัวเองทำอ่ะ..
ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะทำแบบนี้ ต้องเป็นคนที่เห็นค่าทรัพยากรในมุมที่คนอื่นไม่เห็นเท่านั้น

1. ไม่ไรท์ซีดีทิ้งๆ ขว้างๆ

คือเห็นบางคนไรท์แผ่นเรี่ยราด เพียงเพราะว่าแผ่นเปล่ามันราคาถูก แล้วก็เสียดายแทน
เพราะความจริงราคาไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ สำนึกในเรื่องขยะต่างหากที่ควรต้องมี

ถ้าเป็นไปได้ผมจะส่งไฟล์ทางอีเมล หรือใส่ thumbdrive เพื่อจะได้ไม่เสียทรัพยากรใดๆ
แต่ถ้าต้องไรท์ก็พยายามใช้แผ่น RW ซึ่งสามารถวนกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นพันครั้ง..
หรือถ้าจำเป็นต้องใช้แผ่นเปล่าจริงๆ ก็จะพยายามรวมแผ่น หรือหาอย่างอื่นมาเติมจนเต็ม

จนตอนนี้ยังมีสำนักพิมพ์ที่บังคับให้ส่งต้นฉบับพิจารณาเป็นกระดาษเท่านั้น ไม่รับไฟล์
โอเค เพื่อถนอมสายตาคนพิจารณา อันนี้ยอมรับได้
แต่ที่บังคับว่าต้องเป็นกระดาษ A4 เท่านั้น และต้องพิมพ์หน้าเดียวเท่านั้น นี่มันเกินไป
ทำไมถึงใช้กระดาษเหลือใช้ (หนึ่งหน้า) ไม่ได้ ก็ไม่รู้นะ..
แถมยังประกาศว่าไม่ว่ายังไงจะไม่คืนต้นฉบับให้ด้วยล่ะ ก็เอาไปส่งที่อื่นต่อไม่ได้อีก
โห.. แบบนี้มันสุดยอดแล้ว อย่าไปส่งเลยถ้ามันยังมีที่ที่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นอ่ะ!

2. ใช้ไส้ดินสอกดได้จนหมดเกลี้ยงอัน..

ปกติดินสอกดที่เราใช้กัน มันจะเขียนได้ถึงระยะนึง ปลายไส้ก็จะหลุดออกจากตัวยึด
ทำให้เขียนต่อไม่ได้แล้ว และเราก็จะโยนไส้ส่วนที่เหลือนั้นทิ้งไป..
แต่คุณครับ ตรงที่เราทิ้งกันน่ะมันไม่ใช่สั้นๆ เลยนะ มันคือหนึ่งในสี่ของความยาวเลยนะ
เหมือนกับว่า ไส้ดินสอที่คุณซื้อมากล่องละ 40 อันเนี่ย เอามาเปิดฝาเททิ้งไป 10 อันเต็มๆ!

ด้วยความเสียดาย ผมก็เลยใช้วิธีเปิดหัวดินสอกดออก แล้วเขียนโดยที่ใช้ตัวยึดข้างในยึด
(จับให้ไส้มันโผล่ออกมาแค่นิดเดียวนะ ไม่งั้นเดี๋ยวหัก) ..อาจจะเขียนยากขึ้นหน่อย
และลำบากเวลาจะกดไส้ออกมาเพิ่ม แต่ด้วยวิธีนี้ผมสามารถใช้ไส้ได้หมดเกลี้ยงจริงๆ อ่ะ

ความจริงไส้ที่ยาวกว่าปกติก็มี จะลดจำนวนที่ต้องทิ้งได้ (แต่ผมว่ามันอันตรายเวลาทำหล่นอ่ะ)
และที่จริงดินสอกดแบบที่กดด้านข้าง (ตรงนิ้วโป้ง) จะมีตัวยึดไส้อยู่ใกล้ปลายดินสอมากๆ เลย
จะทำให้ไส้ที่ต้องทิ้งสั้นลงมากๆ อย่างน่าแปลกใจ ..แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ซื้อมาใช้ซะที

3. โคตรประหยัดทิชชู่

เห็นบางคนขยำทิชชู่มาเป็นก้อนเบ้อเร่อ เพื่อเช็ดน้ำมูกแค่หยดเดียวแล้วทิ้ง ก็แสนเสียดาย
ลองคิดดูสิครับ หยิบมาให้เล็กลงสักนิดมันก็เช็ดได้เหมือนกัน คือลดไอ้ตรงที่ไม่ได้เช็ดลงอ่ะ

และที่จะเล่าก็คือ ผมเป็นคนที่ใช้ทิชชู่ได้ประหยัดสุดๆ ไม่ว่าจะเช็ดอะไรก็ตาม
(คงไม่ต้องแจงว่าทิชชู่เช็ดอะไรได้บ้างนะครับ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่คนเค้าเช็ดกันอ่ะ..)  :P
เริ่มโดยการฉีกออกมาสองหรือสามแผ่น ตามที่กะแล้วว่าเหมาะสม
แล้วพับครึ่งให้ได้ความหนาระดับนึงก่อน เราก็จะใช้เช็ดได้รอบนึงแล้ว
ทีนี้ถ้าไม่ใช่ของเหลว มันก็จะไม่ซึมมาถึงมือ เราก็สามารถพับครึ่งแล้วเช็ดได้อีก 1-2 ทีด้วยล่ะ
(คือพับลงไปทีละครึ่งๆ จนกว่าจะเล็กเกิน หรือว่าพับไม่ได้ ก็ค่อยทิ้งไป)
เพียงเท่านี้ กระดาษทิชชู่ก็จะถูกใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสุดๆ เลยล่ะครับ!

ถ้านึกได้วันหลังจะมาเพิ่มแล้วกัน..

==========================================================

จริงอ้ะ! : เลขกระทู้มันช่างเหมาะกับเนื้อเรื่องเสียเหลือเกินครับวันนี้ เพราะเมื่อเรากลับหัว 0507 ก็จะกลายเป็นคำว่า LOSO นั่นเอง.. อ่านไปอ่านมา ไอ้ที่ทำไปมันไม่ใช่ "เห็นค่าทรัพยากรในมุมที่คนอื่นไม่เห็น" หรอกครับ จริงๆ แล้ว "งก" เพราะค่อยไม่มีตังค์ ซะมากกว่า.. (ฮา!)   นั่นล่ะถึงว่า "ไม่ได้ช่วยโลก"