สถิติโลก ไหว้พระ 9 วัด (ตอนที่ 2 เริ่ม)ตอบ: 8, อ่าน: 10024

ความเดิมตอนที่เกริ่นไปแล้ว ..เหตุเกิดบ่ายวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2551
จู่ๆ ผมกับคุณยุพีก็เกิดอะไรดลใจให้ออกไปไหว้พระ 9 วัดกันแบบฉุกละหุก
จนกระทั่งเรียกได้ว่า ถ้าทำสำเร็จคงเป็นสถิติโลกในเรื่องความเร็วได้เลย
แถมยังมีอุปสรรคหลายประการ ที่ทำให้น่าลุ้นยิ่งขึ้นว่าจะสำเร็จด้วยดีทันเวลาวัดปิดหรือไม่
เช่น ไม่มีรถส่วนตัว ต้องเดิน หรือโดยสารรถประจำทาง-รถรับจ้าง-เรือข้ามฟาก
และก็มีหลายวัดที่ยังไม่เคยไป ไม่รู้จะคลำทางไปถูกหรือไม่ และวางเส้นทางได้ดีที่สุดหรือยัง

นอกจากอุปสรรคแล้วยังไม่หนำใจครับ จึงเพิ่มเงื่อนไขให้ชีวิตมีรสชาติขึ้นอีกหลายอย่าง
- ต้องหยอดกล่องบริจาค และกราบพระประธาน ของทุกๆ วัด
- ต้องเดินหามุมถ่ายรูปในบริเวณวัด โดยงานนี้เปลี่ยนเป็นมุมมองการถ่ายฝีมือยุพีบ้าง
- ต้องไปยืนถ่ายรูปคู่กับป้ายน้ำตาลของ กทม. ที่อยู่หน้าประตูแต่ละวัด ให้รู้ว่ามาถึงแล้ว!

และนี่คือเส้นทางที่วางแผนกัน โดยไม่ได้ดูแผนที่ก่อน เพราะหาเฉพาะหน้าไม่เจอเลย..
1. วัดสระเกศ --> นั่งรถเมล์เข้าบางลำภู ---> 2. วัดบวร --> เดิน --> 3. วัดชนะสงคราม
--> ตรงนี้ยังไม่รู้จะไปยังไง (เดิน?) --> 4. วัดสุทัศน์ --> ตรงนี้ก็ไม่รู้เช่นกัน (เดิน?)
--> 5. วัดพระแก้ว --> เดินไปข้ามเรือ --> 6. วัดระฆัง --> นั่งรถเมล์หรือเดิน ..ซักอย่าง
--> 7. วัดอรุณ, 8. วัดกัลยาณ์ (ยังไม่รู้วัดไหนก่อนหลัง) --> ข้ามฟากกลับ --> 9. วัดโพธิ์

เอาล่ะครับ!.. ไปทัวร์กันได้ละ..
หมายเหตุ: ภาพถ่ายทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือคุณยุพี ที่เพิ่งจับกล้องตัวนี้จริงจังวันแรก..

**********************************************

..ผมกับคุณยุพีนัดเจอกันที่สะดวกๆ นั่นคือ แถวๆ พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ริมถนนราชดำเนิน
(ข้างๆ วัดราชนัดดา ซึ่งเป็นแหล่งผัดไทยนั่นเองครับ)
เพื่อที่จะได้เดินไปภูเขาทอง วัดสระเกศ กันก่อนเป็นที่แรก ด้วยความคุ้นๆ ว่าอยู่แถวนั้น
แต่พอมาถึงแล้วก็เกิดอาการงงกันเลย.. เอ๊ะ ทำไมยืนตรงนี้ไม่เห็นภูเขาทองหว่า..

ร่ำๆ จะเดินหลงเข้าไปทางโลหะปราสาทละ ดีที่ถามป้าแถวนั้นซะก่อน
(เพราะเราไม่มีเวลาหลงทางนะเฟร่ย!)
..นี่ถ้ามีเวลาเยอะก็คงไม่ถามใคร แล้วก็หมดเวลาไปเหมือนๆ กัน
เพราะผมเป็นคนชอบเดาเอง ไม่อับจนหนทางจริงๆ ก็ไม่ยอมเปิดปากถามใครแน่
ป้าจึงบอกให้หายมั่วว่า "อยู่ซอยข้างๆ ต่างหาก.."

13:01 สรุปแล้วเราก็ได้รู้ว่า ทางเข้าภูเขาทอง วัดสระเกศ อยู่ตรงนี้นี่เอง มีสะพานสีขาวๆ
ข้ามคลองเข้าไป.. เดินผ่านบรรดาร้านขายไม้ ที่พร้อมใจกันปิดวันอาทิตย์อย่างพร้อมเพรียง
เลยได้เห็นสีประตูแจ่มๆ สีเขียว สีน้ำเงิน เป็นแนวยาว ..ตรงข้ามก็เป็นหน่วยดับเพลิง
ฝั่งนี้ทุกอย่างสีแดงแป๊ด ทั้งตัวรถ ทั้งป้าย (..สองฝั่งคอนทราสกันดูแล้วมันส์ยิ่งนัก)
* จะแปลเป็นไทยก็กลัวจะงง --> "สองฝั่งมีความเปรียบต่างสีกันมากจนเกิดมันเขี้ยวยิ่งนัก"

13:09 ถึงประตูวัดสุทัศน์ ซึ่งก็มีทางขึ้นภูเขาทองอยู่ตรงนี้ด้วยพอดี แต่วันนี้คงไม่ขึ้นไป
..ไม่รู้แวะยืนถ่ายรูปกันนานไปหน่อยหรือเปล่า คงต้องรีบแล้วเพราะมีเวลาเพียงที่ละ 30 นาที
คุณยุพีก็เลยรีบกดๆๆๆ ถ่ายรูปอย่างไม่ยั้ง และก็รีบเข้าอุโบสถกราบพระและหยอดเงินบริจาค
ส่วนป้าย กทม. ของวัดนี้ เดาไม่ผิดเลยว่าต้องเดินทะลุไปอีกด้าน ที่เห็นรำไรๆ ว่าติดถนนใหญ่

13:27 คือเวลาที่ผมยืนตรงป้ายแรก ให้คุณยุพีได้กดชัตเตอร์.. ถือว่าทำเวลาได้ดีตามเป้าทีเดียว!



..ทีนี้เราก็ต้องหาทางไปบางลำภู (วัดบวร และวัดชนะสงคราม) ให้ได้
ปรากฏว่าเกิดอาการสับสนครับ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี งงกันอยู่นาน
จนกระทั่งตัดสินใจได้ว่า เดินกลับทางเดิมเหอะ แล้วไปนั่งรอรถเมล์หน้าวัดราชนัดดา
แต่กว่าจะเดินกลับไปถึงป้ายรถเมล์ตรงนั้น ก็ราวๆ 13:45 แล้ว.. ระหว่างเดินแดดก็ร้อนมากๆ
คุณยุพีเกิดงอแงจะล้มเลิก บ่นว่าร้อน เหงื่อท่วมตัว.. ได้เป๊ปซี่รถเข็นมาดับร้อนจึงหยุดบ่นได้
ส่วนผมเองที่ทำหน้าที่คอยดูเวลาและเส้นทาง พอเดินถึงป้ายรถเมล์เห็นเวลาเกือบบ่ายสอง
โดยที่ยังนั่งรอรถอยู่ ไม่ได้เคลื่อนไปจากจุดนั้นซักที เลยเกิดถอดใจอยากล้มเลิกเหมือนกัน
เพราะถ้าเวลาร่นแบบนี้ยังไงก็ไม่ครบ 9 วัดแน่.. มาใหม่วันหลังให้เช้ากว่านี้ และไม่ร้อน ดีไหม



**********************************************

13:52 รถเมล์สาย 56 วิ่งมาพอดี ยุพีก็ตัดสินใจ เอ้า..ขึ้นไปก่อน จะเลิกไม่เลิกค่อยว่ากัน
(รถเมล์สายนี้จะวิ่งเข้าบางลำภู ผ่านถนนข้าวสาร และไปจอดป้ายที่หน้าวัดบวรพอดีเลยครับ)
ซึ่งก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องด้วย เพราะแม้เราจะไปถึงวัดบวรกันในเวลา 13:55
แต่ก็พบว่ากำลังมีการบูรณะครั้งใหญ่ ไม่สามารถเดินชมวัดได้..
การทำบุญไหว้พระที่วัดนี้จึงสำเร็จภายในเวลาเพียง 5 นาที.. ฮึ้ย! ทันเวลาตามแผนซะงั้นน่ะ!



14:08 เนื่องจากวัดชนะสงครามนั้นอยู่ใกล้ๆ เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง จึงเกิดชะล่าใจครับ..
บังเอิญเดินผ่านร้านอาหาร "ปาท่องโก๋"
(ซึ่งเราเคยลองลิ้มเมนูของหวาน ปาท่องโก๋ย่างไร้มัน อะไรของเขาแล้ว ไม่ประทับใจเลย)
ยุพีจึงชวนให้แวะพัก ให้ผมสั่งข้าวหมูแดงประทังชีวิตไปก่อน เพราะวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย
(คือว่า ผมคงไม่สามารถตะลุยให้ครบทั้ง 9 วัดจนถึง 5-6 โมงเย็นได้ในสภาพท้องว่างแบบนี้แน่ๆ)
เรียกว่ากินแบบต่อมรับรสไม่ต้องทำงานกันเลยล่ะ เลือกเมนูที่ทำไว+ทานไว ที่สุด
และออกจากร้านในเวลาเพียง 10 นาที



14:28 เพิ่งถึงวัดชนะสงคราม.. เอาอีกแล้วไง ประเมินเวลาเดินน้อยไปหน่อย
มาถึงก็เหลือเวลาแค่ 2 นาทีสำหรับวัดนี้ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเราเริ่มมาขนาดนี้แล้ว
จะมาเลิกเอาตอนนี้ได้ไง.. ยังไงก็ต้องทำเวลาไปต่อเท่านั้นเฟร่ย!..
ฉะนั้น วัดนี้จึงได้แต่ทำบุญไหว้พระแล้วรีบออกเดินทางทันที ภายในไม่ถึง 10 นาที
และรูปที่คุณยุพีถ่ายมาจึงแทบไม่มีภูมิทัศน์หรือสิ่งปลูกสร้างภายในวัดนี้เลย



**********************************************

14:42 ด้วยความช่วยเหลือของแม่ค้าและลูกค้าใจดีแถวบางลำภู ที่คุณยุพีเข้าไปอ้อนถามทาง
ณ เวลานี้ก็พบว่าเราสองคนอยู่บนรถเมล์สาย 9 เรียบร้อยเลย ขึ้นจากฝั่งตรงข้ามวัดชนะฯ
จุดมุ่งหมายของเราคือลงรถที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเดินเข้าไปวัดสุทัศน์..

14:47 ในที่สุดก็เพิ่งได้เห็นแผนที่เกาะรัตนโกสินทร์ เมื่อลงรถเมล์ตรงนั้นน่ะเองครับ..
เลยได้อาศัยเป็นข้อมูลในการวางลำดับวัดที่เหลือที่เราจะไปกันในวันนี้ (ถัดจากวัดสุทัศน์)
นั่นคือ 5. วัดพระแก้ว --> 6. วัดระฆัง --> 7. วัดอรุณ --> 8. วัดกัลยาณ์ --> 9. วัดโพธิ์
แต่ถึงจะรู้ลำดับแล้ว ก็ยังไม่รู้วิธีเดิงทางระหว่างวัดอยู่ดี ไม่รู้ว่าไกลเกินกว่าที่จะเดินได้ไหม
(ความจริงกะระยะเอาจากในแผนที่ก็ได้ เทียบจากจุดที่เราคิดว่าเดินไหวก็จะพอรู้แล้ว ง่ายๆ
แต่ในตอนนั้นเวลามันบีบจนสติหลุดกระเจิงครับ ลืมใช้สมองไปซะสนิท ไปลุยเอาอย่างเดียว..)

14:57 หลังจากเดินชมผู้คน ชมนกชมไม้ ผ่านมนต์นมสด ศาลาว่าการ กทม. และเสาชิงช้า
(ยังดีที่การเดินตั้งแต่ที่บางลำภู จนถึงการเดินเข้าวัดสุทัศน์ มีตึกช่วยบังแดดหลบร้อนได้ตลอด)
เราก็มาถึงวัดที่ 4 คือวัดสุทัศน์ โดยที่เวลาก็ล่วงเลยจนกระทั่งเหลือโควต้าเพียง 3 นาที (อีกแล้ว!)
วันหลังถ้าจะไหว้พระ 9 วัด คงต้องมาเร็วกว่านี้แล้วล่ะ เพราะการเดินทางกินเวลามากกว่าที่คิด
(แต่ประสบการณ์จากวันนี้ก็ทำให้เรารู้วิธีแล้ว วันหลังก็คงจะเดินทางได้เร็วขึ้นเยอะ
และที่สำคัญคือเมื่อเห็นแผนที่ไปแล้วเมื่อกี๊ พบว่าจะให้ดีสุดควรให้วัดสุทัศน์เป็นจุดเริ่มต้น)



ตอนนี้เราไม่หวั่น ไม่ถอดใจแล้ว เพราะแต่ละวัดที่ผ่านมานี่ก็แทบไม่ได้เดินชมอะไรกันเลย
และวัดสุทัศน์ก็เคยมากันหลายครั้งแล้ว ถือว่าพอคุ้นเคยกับสถานที่ จึงใช้เวลาที่นั่นไม่มาก
รีบกราบพระ+หยอดตู้บริจาค แล้วรีบลาเช่นเคย.. (ทำเอายุพีหมดอารมณ์ศิลปินในการถ่ายรูป)
โชคดีอีกอย่างคือ ทั้งวัดบวร วัดชนะสงคราม และวัดสุทัศน์ ล้วนมีประตูหลักแค่ด้านเดียว
ทำให้เราพบป้าย กทม. ให้แอ๊คท่าถ่ายรูปคู่ได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามและไม่เสียเวลาเลย

..ตอนนี้จุดมุ่งหมายคือ ยังไงก็ต้องให้ทันทุกวัดให้ได้ ให้สมกับความตั้งใจ อย่าให้เสียเที่ยว



15:07 ยืนลุ้นอยู่หน้าวัด.. ว่าจะไปไหว้พระแก้วมรกต วัดถัดไปได้ทัน 15:30 ตามแผนหรือไม่
เท่าที่นึกออกรู้สึกว่าวัดพระแก้วจะปิดเร็วที่สุดด้วยสิ ถ้าจำไม่ผิดก็ 15:30 นั่นแหละ.. กรรม!
เพิ่งมานึกได้เอาป่านนี้! (แต่ยังดีนะเนี่ย ที่ไม่เรียงวัดพระแก้วไว้ในลำดับช้าไปกว่านี้อีก)

**********************************************

15:13 เอาอีกแล้ว! แย่แล้วมั้ยล่ะ ถามทางชาวบ้านว่าจะไปวัดพระแก้วจากตรงนั้นได้ยังไง
ชาวบ้านก็บอกให้เดินทะลุวัด ไปขึ้นรถเมล์อีกฝั่ง (นั่นคือข้างวัด ด้านเสาชิงช้า) ก็รีบจ้ำๆๆ กัน
แต่พอทะลุมาอีกฝั่งของวัดแล้วจริงๆ พี่ๆ คนขับรถที่นั่งเล่นหมากกระดานกันอยู่แถวนั้น
กลับบอกว่า รถเมล์ไปไม่ได้ ให้นั่งสามล้อไปเลยแล้วกัน..
และเราก็เห็นท่าว่ารถเมล์จะหายากจริง เผลอๆ ไม่มีสายไหนไปได้เลย มัวรอก็ไม่ทันกันพอดี

15:20 ขึ้นสามล้อในราคาตกลงกันไว้ที่ 30 บาท (เรียกว่าต่อราคากันสุดๆ แล้ว)
แต่เมื่อเห็นเส้นทางที่เขาใช้วิ่ง อันสุดแสนคดเคี้ยว ผมก็ยอมเปลี่ยนใจให้เขาไป 40 อยู่ดี
..กลับมาเห็นแผนที่ทีหลัง ทำไมตูไม่เดินหว่า ถึงรถจะวิ่งตรงมาไม่ได้ แต่เดินเอาตรงๆ อ่ะได้!
(ที่จริงก็พอรู้แหละ แต่เวลามันกระชั้นมาก สติจึงหดหาย กลัวเดินพลาดหลงทางก็จบเห่กันเลย..)
แต่เอาเต๊อะ.. นั่งสามล้อมาทางคดเคี้ยว ได้ผ่านศาลทั้ง 2 ศาลด้วย ขอแค่ยกมือไหว้ก็ยังดี..



15:27 ถึงวัดพระแก้ว.. เหลือ 3 นาทีอีกแล้ว! รีบตาลีตาเหลือกเข้าภายในวัดกันโดยด่วน
(แต่คุณยุพีก็ไม่วายแวะขอพี่ๆ น้องๆ ทหารรักษาการณ์ ที่ยืนนั่งอยู่หน้าประตู เป็นแบบให้ถ่ายรูป
เรียกว่า ตั้งแต่เห็นเธอเดินถ่ายมาวันนี้ ก็รู้แล้วว่ายุพีเหมาะกับการถ่ายรูปมากกว่าผมเยอะ..)
และแล้ว บุญก็ยังช่วยพวกเราอีกครั้ง เพราะวัดพระแก้วจะปิด 15:30 สำหรับนักท่องเที่ยว
แต่สำหรับชาวไทยจะเปิดให้จนถึง 16:00 (และพี่ๆ ข้าราชการที่อยู่เฝ้าที่นั่นก็ยังคงใจดีเสมอมา)

ไม่ว่าจะผ่านประตูไหน เราสองคนก็ต้องคอยส่งสำเนียงภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำกับคนคุมประตู
(ก็เลยเวลาสำหรับชาวต่างชาติแล้วนี่ครับ.. แหม่ เกิดมาหน้าตาเกาหลีขนาดนี้ก็แย่เนอะ 5555)
พอเขารู้ว่าสองคนนี้เป็นคนไทย ก็ให้แปลกใจและส่งยิ้มไปมากับพวกเราอยู่หลายดอกทีเดียว

วัดพระแก้วในเวลานั้นยังมีคนเยอะอยู่เหมือนเคย แม้จะเป็นเวลาใกล้ปิดแล้วก็ตาม
(ผู้คนส่วนใหญ่แต่งกายในชุดสีดำ เพื่อร่วมถวายสักการะพระศพของสมเด็จพระพี่นางฯ)
ผมเข้าไปถึงอุโบสถ เขาก็กำลังยกกล่องรับบริจาคไปเก็บพอดี เรียกว่าหยอดทันกลางอากาศเลย..



15:47 ออกจากวัดพระแก้ว มุ่งหน้าสู่ท่าเรือ "ท่าช้างวังหลวง" เพื่อจะข้ามไปวัดระฆัง
โดยแวะพักสูบน้ำกันคนละกว่าครึ่งลิตรที่ร้านสะดวกซื้อ ใกล้ๆ ม.ศิลปากร นั่นแหละครับ..
แล้วใครสักคนพลันนึกขึ้นมาได้ เฮ้ย..ยังไม่ได้ถ่ายกับป้าย กทม. ของวัดนี้เลยอ่ะ!
แล้วนึกไม่ออกด้วยว่าป้ายอยู่ตรงไหน วัดพระแก้วก็มีกำแพงล้อมรอบยาวไกลเหลือเกิน
เราคงต้องตัดสินใจข้ามป้ายนี้กันไปก่อน คงเดินหาไม่ทัน เพราะเวลาล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว
ยังเหลืออีกตั้ง 4 วัด ภายใน 1-2 ชั่วโมง (ไม่รู้แต่ละวัดจะปิด 5 หรือ 6 โมง แต่คงไม่เกินนี้แน่)
..เอาเป็นว่า ถ้าปฏิบัติการสำเร็จจนจบที่วัดโพธิ์ ก็ค่อยกลับมาเดินหาป้ายนี้ก็แล้วกันนะ

**********************************************

ผ่านมาได้ด้วยดีถึงครึ่งทางแล้วครับ แต่ในที่สุดก็เริ่มประสบอาการติดขัดอย่างแรกเข้าให้
แต่ว่าผมและยุพีก็คงต้องลุยเดินทางกันไปต่อ หวังว่าเดี๋ยวแดดคลายร้อนคงจะเย็นใจยิ่งขึ้น
..หารู้ไม่ว่า ยังมีอะไรติดขัดๆ รอเราอยู่ในวันนั้นอีกหลายอย่าง
ครึ่งหลังนี่เรียกว่าทุลักทุเลกันเลยล่ะ เพราะเป็นวัดที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่เคยไป ซะส่วนใหญ่

แล้วเราจะทำลายสถิติโลกตามเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นมาเอง (ให้ยากทำไม..) สำเร็จหรือไม่
ติดตามต่อตอนหน้ากันเถิดครับพี่น้อง.. คลิกโลด

==========================================================

อย่าเพิ่งเชื่อ! : กางเกงยีนส์ยอดฮิตของวัยรุ่นไทยในสมัยหนึ่งคือ ลีวายส์ รุ่น 501 ริมแดง ..คำว่า "ริมแดง" สื่อว่า มีเส้นตรงสีแดงโผล่มาที่ตะเข็บกางเกง เนื่องจากเป็นบริเวณริมผ้า และเพราะริมไม่ได้แดงไปหมดทุกตัว สนนราคาของริมแดง จึงแพงกว่าตัวอื่นอยู่มากทีเดียว!