เอาล่ะครับ ได้เวลาอู้งานมานั่งพิมพ์ไปน้ำลายสอไปอีกครานึงแล้วครับทั่น ชื่อตอนวันนี้ฟังดูไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่เลยว่าแมะ มันลงสระอาแล้วไม่เพราะ อยากจะสลับให้คล้องจองซะเหลือเกินว่า ราคาเยา+รสหรูหรา ประสาน้ำยา+หนมจีน แต่ก็เกรงจะเป็นการเล่นลิ้นเกินไป เลยปล่อยมันเป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละครับทั่น บางทีลองได้ทำตามแพทเทิร์นตายตัวโดยไม่ต้องคิดถึงความเพอร์เฟคบ้าง ก็ดีเหมือนกันเนอะ ..โอเค พูดนอกเรื่องอีกแล้ว สงสัยจะเป็นเพราะเว้นช่วงการแนะนำร้านเด็ดไปนาน กลัวจะพิมพ์ไม่ลื่นมือ เลยต้องขอใส่น้ำเข้าไปเยอะๆ หน่อย.. อิๆๆ..
มีร้านขนมจีนน้ำยาอยู่ร้านนึงครับที่ไอเดียแหวกแนวโดนใจใช้ได้ จนกระผมต้องไปอุดหนุนเขาอยู่หลายที ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยสายลม (ถนนพหลโยธิน ที่เชื่อมจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปจตุจักรนั้นแล เลยซอยอารีย์ไปนิดเดียว แต่ซอยนี้จะอยู่ฝั่งขวา ปากซอยมีตึก IBM, ชินวัตร-AIS, พหลโยธินเพลส) ร้านขนมจีนร้านนี้ตั้งอยู่ต้นๆ ซอย เดินเข้าไปไม่กี่ก้าวก็จะเห็นว่าริมฟุตบาทด้านซ้ายมีขายอาหารเยอะๆ และมีพนักงานออฟฟิศไปนั่งเบียดกันแยะๆ ..แถวนั่นแหละครับ จะมีซอยเล็กอีกซอยนึงที่เดินเลี้ยวเข้าไปได้ แล้วก็จะเจอร้านขนมจีนอยู่ในซอยนั้นเอง หน้าปากซอยก็มีป้ายบอก ไม่น่าหายากแต่อย่างใด.. ร้านนี้จะแหวกแนวตรงที่..เฮ้ย! นี่มันเป็นบ้านคนอ่ะ บ้านเดี่ยวและมีรั้วรอบขอบชิด แต่เปิดบ้านต้อนรับลูกค้าให้นั่งทานบนสนามหญ้าหน้าบ้านกันเลยทีเดียว! (หมายถึงตั้งโต๊ะอ่ะนะครับ ไม่ใช่ปูเสื่อบนพื้นหญ้า) แล้วก็อีกอย่าง.. เป็นร้านขนมจีนน้ำยา "แบบบุฟเฟ่ต์" เท่านั้น ไม่มีเมนูอื่นให้สั่งและไม่มีการคิดราคาในลักษณะอื่นด้วย ..สนนราคาก็เพียงอิ่มละ 49 บาท (เอ้อ..พูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่าถ้าไม่อิ่มจะลดราคาให้หรอกนะครับ) ส่วนเครื่องดื่มก็ 10 บาท เอ๊ะ..ชักไม่แน่ใจว่า 15 หรือเปล่า.. แต่จำได้ว่าราคาเดียวกันทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมขวดๆ
เมื่อจ่ายเงินเสร็จเป็นอันดับแรกแล้ว ท่านก็สามารถลุยได้เต็มคราบเลยครับ จะไม่มีพนักงานบริการรับออเดอร์หรือเสิร์ฟให้อย่างใดทั้งสิ้น (เออวันนี้ศัพท์อังกฤษเยอะจังตู) เดินไปหยิบจานเอง หยิบเส้นขนมจีนเอง ตักน้ำยาหรือแกงราดเอาเอง ไม่ว่าท่านจะชอบแบบไหน เส้นเยอะน้ำน้อย หรือเส้นน้อยน้ำท่วม หรือจะบริโภคเฉพาะเส้นเปล่าๆ อันนี้ก็ตามอัธยาศัย.. แล้วก็สามารถลุกมาเติมกี่ครั้งก็ได้ ไม่อั้น จะนั่งทั้งวันก็ไม่มีใครว่า.. (แต่ด่านี่ไม่แน่.. 555)
ภายในร้าน (หรือบ้านน่ะแหละ) จะมีโต๊ะยาวๆ ตั้งอยู่ที่ริมสนาม และมีหม้อดินวางเรียงกันอยู่ประมาณ 4-5 หม้อบนโต๊ะ ซึ่งประกอบด้วยน้ำยา, น้ำยาป่า, น้ำพริก, แกงเขียวหวานไก่, แกงปักษ์ใต้ (เรียกว่าอะไรหว่า) อะไรประมาณนี้.. แต่ละอย่างรสชาติก็ระดับมืออาชีพในการทำแกง รับรองได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับคนรักขนมจีนกันเลยล่ะคร้าบ.. ส่วนผักเครื่องเคียงก็เป็นผักดิบตามมาตรฐานทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ แต่คุณครับ คนเราจะไปหาอะไรแปลกใหม่ไปซะหมดทุกรายละเอียดกันล่ะเนอะ.. เท่านี้ร้านนี้ก็แจ่มแล้วล่ะ
ร้านนี้เปิดขายตั้งแต่สายไปจนหัวค่ำกันเลยทีเดียว และปิดสัปดาห์ละวัน จำไม่ได้ว่าเสาร์หรืออาทิตย์ ซึ่งที่จริงจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะที่ว่ามาทั้งหมดเนี่ยนะ ร้านนี้เขาเลิกกิจการไปแล้วโดยไม่บอกไม่กล่าวกันเลย! แค่ไม่ได้แวะไป 2 ปีเท่านั้นเอง ลูกค้าก็เยอะ (โดยเฉพาะมื้อเที่ยงสำหรับพนักงานออฟฟิศ) ไม่น่าทิ้งกันได้ลงคอ.. (อ้าวแล้วจะมานั่งเล่าทำไมเนี่ย..)
ไม่เป็นไรครับท่าน เพราะข้างบนที่ผ่านมาก็ยังอยู่ในช่วง "ใส่น้ำเยอะๆ" ยังไม่ได้เข้าเรื่องร้านที่จะแนะนำในวันนี้เลย แหะๆๆ.. ร้านที่จะแนะนำเมนูขนมจีนน้ำยา ที่เด็ดที่สุดเท่าที่ผมเคยทาน จะตั้งอยู่ในตลาดนัดสวนจตุจักรครับ.. (เย่ ในที่สุดจตุจักรก็มีอาหารอร่อยผุดขึ้นมาซะที) เป็นร้านข้าวแกงไฮโซ ที่ชื่อ "พริกหยวก" กับข้าวเขาก็อร่อยนะครับ เป็นอาหารไทย สั่งราดบนข้าวเลยก็ได้หรือสั่งแยกเป็นกับก็ดี เห็นคนอื่นที่มาเป็นกลุ่มๆ กันเขาก็สั่งกับข้าวมาทานด้วยกัน แต่สนนราคานี่จะค่อนไปทางไฮโซ ขนาดข้าวราดกับ 2 อย่าง ยังจัดไป 50 กว่าบาทเลยครับคุณครับ.. ฉะนั้นถึงแม้กับข้าวร้านนี้จะอร่อยเหาะขนาดไหน กระผมก็ไม่สามารถแนะนำได้อยู่ดี เดี๋ยวจะหลุดแนวของคอลัมน์ "ราคาเยา+รสหรูหรา" ไปได้ และไอ้กระผมเองก็ไม่ได้ทานเมนูข้าวร้านนี้บ่อยเสียด้วย จึงขอเสนอเมนูขนมจีนน้ำยาราคาเยา (เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ในจตุจักรอ่ะนะ) เพียงจานละ 30 บาท นั่นแหละดีแล้ว เป็นเมนูที่ผมและท่านนักชิมคู่กายไปนั่งซู้ด (เสียงดูดเส้น) กันบ่อยมากๆ เรียกว่าแวะแทบทุกครั้งที่ไปเดินเตร่ๆ ในตลาดนัดจตุจักร (เฉลี่ยเดือนละครั้ง) เลยก็ว่าได้
ความแจ๊บของขนมจีนน้ำยา 30 บาท (เอ้าเน้นราคาจังวุ้ย) ก็คือ หนึ่ง อร่อย! (โอ๊ววว..) สอง สะอาด! (อู๊ววว..) สาม ใช้ไข่ต้มเป็นยางมะตูม! (อ๊าววว..) และที่ผมติดใจที่สุดคือ สี่ มีผักเจ๋งๆ ที่ไม่เหมือนที่อื่น! (อิ๊ววว..) อาทิ ถั่วงอกซึ่งลวกมาให้แล้ว (ดีจัง), ผักบุ้งจีนกรอบๆ ลวกและหั่นเป็นท่อนเล็กๆ ให้ (อันนี้ก็แจ่มจริง), ผักกาดดองก็โอเค ดูน่าเชื่อใจได้มากกว่าร้านทั่วไป แล้วยังมีผักที่แปลกยิ่งขึ้นสำหรับผู้ชอบทานผักระดับแอดวานซ์ด้วย คือ มะระฝาน, ใบแมงลัก, หัวปลีซอย, และอื่นๆ ที่ผมเริ่มจะนึกไม่ออกและไม่รู้จักแล้วมั้ง ...เอาเป็นว่าถ้าท่านชอบทานขนมจีนน้ำยาใส่ผักเยอะๆ มาร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ มีผักรอท่านเป็นกระบุงๆ เลยล่ะเออ ..อ้อ เกือบลืมอีกอย่าง ร้านนี้เขาใช้โต๊ะเก้าอี้ไม้ และอุปกรณ์ถ้วยชามเป็นภาชนะดินเผาด้วยล่ะเออ และเท่ยิ่งขึ้นตรงที่ภาชนะใส่น้ำดื่มเนี่ย เป็นกะลามะพร้าวสีดำขัดมาซะเงาแว้บเลยแม่เจ้าประคู้ณ..
ทุกท่านคงทราบอยู่แล้วว่า บริเวณตลาดนัดจตุจักรจะมีสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ถึง 2 สถานีทีเดียวเชียว อันนึงชื่อ "จตุจักร" จะอยู่บนถนนพหลโยธินด้านหน้า (ใต้สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต) ส่วนอีกอันนี่จะอยู่เยื้องไปตรงถนนด้านหลัง ชื่อสถานีว่า "กำแพงเพชร" ซึ่งอันหลังนี่ก็จะฮอตฮิตติดอันดับกว่าอันแรก เพราะจะมีบันไดที่ไปโผล่ภายในตลาดนัดจตุจักรได้เลย สะดวกโยธิน (ไปโผล่ตรงโซนที่ขายหนังสือ+นิตยสารเยอะๆ) ..และเมื่อท่านยืนอยู่ที่บันไดลงรถไฟใต้ดินสถานีกำแพงเพชรและหันไปด้านข้าง (ที่ตรงข้ามกับด้านที่ขายหนังสือ) ท่านก็จะพบร้าน "พริกหยวก" ตั้งอยู่เป็นสง่าต่อหน้าต่อตา แต่ดันมีรั้วสถานีกั้นขวางไว้ อันนี้ก็ต้องเดินอ้อมไปเข้าจากตรงห้องน้ำสาธารณะกันตามสะดวก..
ท่านคงเดาได้ไม่ยากว่าร้านนี้ขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์ แต่ท่านควรทราบด้วยว่าร้านนี้ปิดเร็วมาก โดยปกติยังไม่ถึงบ่าย 3 ก็จะขายหมดทุกอย่างแล้ว ไปทีไรเห็นคนเต็มทุกโต๊ะตลอดเวลา (ก็อย่างที่บอกว่าร้านอาหารในตลาดนัดจตุจักร ส่วนใหญ่จะทำมาให้กินกันไปแบบพอผ่านๆ อย่าหวังจะหาเจ้าอร่อย) ...ครั้งล่าสุดกระผมได้หิ้วท้องไปเยี่ยมเยือนเมื่อช่วงกินเจที่ผ่านมา ก่อนบ่ายสองอีกครับท่าน แต่ก็ไปไม่ทันซะแล้ว เจ้าของร้านผู้เป็นแอร์โฮสเตสเก่า ด้วยความเป็นคนช่างเจรจา จึงคลายข้อสงสัยให้กับแหล่งข่าวหน้าตาดีว่า "ก็นึกว่าคนหันไปทานเจกันหมด วันนี้ก็เลยทำอาหารมาน้อย.. กลายเป็นว่าลูกค้ามาเยอะกว่าปกติซะอีกแน่ะ เพราะร้านอื่นๆ ขายแต่เจ" .. "อ่ะหงิ่ว!" แหล่งข่าวตอบด้วยคำอุทานภาษาไหหลำ ..และวันเดียวกันนั้นเองก็ได้เห็นกระดาษแปะอยู่ที่ผนัง ใจความว่า จันทร์ถึงศุกร์เชิญอุดหนุนร้านพริกหยวกได้ที่ "The Terminal สุขุมวิท 24 ข้างเอ็มโพเรียม" (อันนี้ใช่ไหมที่พี่บิลลี่เข้มไปยืนขายไส้กรอกอยู่หน้าประตูน่ะ) ..เอ้อ! ดีจัง! แหล่งข่าวจะได้ไม่ต้องสืบต่อ ว่าขายดีขนาดนี้วันธรรมดาทำไมไม่ขายด้วย..
อิ่มหนำกับเมนูหลักแล้ว ถ้าท้องยังไม่เต็ม (ทั้งที่ซัดผักลวกไปเต็มคราบแล้วแท้ๆ) หรือถ้าเดินช้อปกันสักพักแล้วเกิดอาการร้อนกาย ร้อนใจ.. ขอแนะนำให้ท่านหลบร้อนไปนั่งพักทานลอดช่องหวานๆ เย็นๆ สุดจะชื่นใจ ได้ที่ร้าน "ลอดช่องใบเตย" ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังบรรดาธนาคารทั้งหลาย (เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินกำแพงเพชร ก็ให้ไปทางโซนขายหนังสือ เดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่าน ธ.กสิกร ไปจนสุดทาง ก็จะพบที่ทำการของตลาดนัด และเห็นธนาคารเรียงกันอีก 4 สำนัก ได้แก่ ธ.ไทยพาณิชย์ ริมถนนใหญ่, ธ.ออมสิน, ธ.ทหารไทย, และ ธ.กรุงเทพ ซึ่งอยู่ขวาสุด) ร้านลอดช่องรสเยี่ยมที่ผมจะแนะนำนี้อยู่หลัง ธ.กรุงเทพ ครับ ข้างธนาคารจะมีช่องให้เดินไปด้านหลังได้ เดินไปยืนตรงนั้นปั๊บท่านก็จะเจอร้านลอดช่องปุ๊บเลย
ลอดช่องร้านนี้ก็ตกแต่งร้านและเลือกใช้ภาชนะได้น่ารักดี มีน้ำเปล่าให้กดดื่มฟรีที่หน้าร้านด้วย (ตอนหลังเริ่มมีแปะรูปเด็กเรียกลูกค้าแล้ว ประมาณว่าขอบคุณที่อุดหนุนลอดช่องของพ่อ ให้หนูได้มีเงินไปเรียน!) .. แต่เดิมมีเมนูเดียวคือลอดช่องสีเขียวๆ ปั้นมาเหมือนเกี๊ยมอี๋ ราดกะทิ+น้ำเชื่อม+น้ำแข็ง ชอบหวานมากหวานน้อยก็บอกคนตักได้ ราคาค่าตัวอยู่ที่ถ้วยละ 15 บาท ซึ่งก็ถือว่ากำลังดี เหมาะสมกับค่าครองชีพ ณ สถานที่ตรงนั้น แถมยังคุ้มค่าเพราะใจดีให้เติมกะทิ+น้ำเชื่อม+น้ำแข็ง ได้เรื่อยๆ ไม่อั้นด้วยคร้าบ.. ปัจจุบันร้านลอดช่องร้านนี้เพิ่มเครื่องหลายอย่างให้คุณเลือกทานได้อย่างใจ ไม่ว่าจะเป็นเผือกหั่นสี่เหลี่ยมมุมฉาก, แตงไทยหั่นสี่เหลี่ยมคางหมู (จะไปเพ่งพินิจรูปทรงมันทำไมเนี่ย!), หรือข้าวเหนียวดำ (อันนี้ไม่ต้องหั่น..) ซึ่งลองแล้วรสชาติก็เข้ากันได้ดีกับน้ำเชื่อมกะทิกลิ่นหอมใบเตย อันเป็นทีเด็ดของร้านนี้ที่ทำให้มีลูกค้าอุดหนุนกันอย่างฝาคั่ง.. โดยราคาก็จะขยับเป็น 20 และ 25 บาท ตามจำนวนชนิดของเครื่องที่ท่านประสงค์
เอาล่ะ.. เล่ามาย๊าวยาว ชักเหนื่อยแล้วครับ (ความจริงนั่งพิมพ์มาปะติดปะต่อกันตั้ง 3 วันเชียวนะ..) พบกันใหม่ตอนหน้าดีกว่า จะเอาเมนูอะไรมาแนะนำอีกก็ยังไม่รู้เลย (ฮา) สงสัยจะเป็นติ่มซำล่ะมั้งครับทั่น ยังไงก็ขอได้โปรดติดตาม!..
นวย