0480
ราคาเยา+รสหรูหรา ประสาผัดไทย
แสดงทั้งหมด

ราคาเยา+รสหรูหรา ประสาข้าวหมูแดง+สุกี้ตอบ: 1, อ่าน: 2241

เมื่อกี๊เดินทางไปสามย่านเก้อครับท่าน จะไปสอนพิเศษแต่พอไปถึงแล้วน้องเพิ่งโทร.มาบอกว่าวันนี้ของดเรียน ก็เลยคิดว่าแวะนั่งกินสุกี้ย้อมใจซักหน่อยค่อยกลับบ้านก็ละกัน (ราวกับกินเหล้าแก้กลุ้มทำนองนั้น) แล้วก็จะกลับมานั่งเขียนแนะนำสุกี้ร้านนี้ไปเลยซะทีเดียว จะได้คุ้มเวลาและค่ารถเมล์หน่อย และก็คงช่วยให้เขียนลื่นกว่านึกเอาจากความทรงจำด้วยแหละเนอะ

หลังจากแนะนำท่านผู้อ่านไปทานข้าวหน้าเป็ดที่สามย่านกันแล้วในตอนแรก จะไม่กล่าวถึงอีกสองเจ้านี้ก็คงจะไม่ถูก เพราะในบรรดาอาหารรสชาติดีเกิน mean ที่มีอยู่มากมายในบริเวณสามย่านนั้น (ยกตัวอย่างเช่น เย็นตาโฟข้างภัตตาคาร, ข้าวขาหมูจุฬา, ข้าวหมกไก่สามย่าน, คอหมูย่างเจ๊แอน, ข้าวราดแกงนายอู๋, ฯลฯ) ก็ยังมีอาหารอีกสองอย่างนี้นี่แหละ ที่ฝีมือการปรุงโดดเด้งอร่อยเหาะออกมาจากร้านอื่นๆ ทั้งหมดในละแวกเดียวกัน จนสามารถบอกต่อได้อย่างมั่นใจ นั่นก็คือที่จั่วหัวไว้ล่ะครับ.. "ข้าวหมูแดง และสุกี้" ซึ่งผมขออนุญาตแนะนำรวมกันในคราวเดียวไปเลย เผื่อใครไปแถวนั้นจะได้ลิ้มลองทีเดียวสองอย่างไม่ต้องรอไปใหม่วันหลัง

ร้านข้าวหมูแดงที่สามย่านมีอยู่ 2 เจ้า ซึ่งรสชาติความอร่อยนี่ต่างกันลิบเลยครับ ทั้งสองร้านอยู่ในซอย "จุฬาฯ 50" ซอยนี้จะอยู่ด้านหลังตลาดสามย่าน อยู่ตรงกับป้ายชื่อตลาดพอดี (เป็นทางสามแพร่งเลย) ถ้าท่านเดินเข้าไปในซอยนี้ ห้องแรกๆ ทางซ้ายมือจะพบร้านข้าวหมูแดงเจ้านึงซึ่งได้รับตราเชลล์ชวนชิมด้วย เจ้านี้เราจะไม่สนใจครับ ให้เดินเลยไปเรื่อยๆ ผ่านร้านกินดื่ม ผ่านร้านข้าวหมกไก่ ผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวอีกหลายร้าน จนเกือบจะถึงปลายซอย (ซึ่งสามารถเลี้ยวซ้ายออกถนนใหญ่ : พระราม4 ได้) ก็จะพบข้าวหมูแดงเจ้าอร่อยแล้วครับ อยู่ทางซ้ายมือเช่นกัน ชื่อร้าน "ข้าวหมูแดงนครปฐม" เป็นร้านโทรมๆ มืดๆ ไม่ยอมเปิดไฟ (อาศัยแสงแดดลอดเข้าไปเท่านั้น) พื้นปูนเปลือย ดูท่าทางไม่น่าเข้าไปนั่งเท่าไหร่ แต่เจ้าประคุณเอ๋ยรสชาติงี้อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ (อ้าวแล้วนี่ผมเอามาบอกให้ฟังนี่ถือว่าผิดหลัก "อร่อยอย่าบอกใคร" รึเปล่าเนี่ย?) ..หน้าร้านเป็นตู้ไม้เก่าๆ แขวนหมูกรอบไว้ และบางวันจะมีกาละมังใส่ไข่วางตากแดดอยู่ที่พื้นฟุตบาทหน้าร้านด้วย ถ้าไปเจอไข่เข้าก็ให้มั่นใจได้เลยว่าถูกร้านชัวร์!

ข้าวหมูแดงนครปฐมเจ้านี้มีลักษณะไม่เหมือนข้าวหมูแดงที่เราพบเห็นกันได้ทั่วไป (เช่นร้านเชลล์ชวนชิมที่เราเดินผ่านมาเป็นต้น) ถ้าคุณนึกถึง ข้าวเปล่า แล้วมีหมูแดงซอยบางๆ วางคลี่ซ้อนกันลดหลั่นเป็นลำดับๆ หมูกรอบก็สับแล้ววางเอนๆ พิงกันราวกับโดมิโน กุนเชียงและแตงกวาก็เรียงซ้อนกันได้องศาเป๊ะๆ แล้วราดทับด้วยน้ำราดสีแดงสดใส.. ขอบอกเลยว่า ทุกอย่างที่ว่ามาเนี่ยมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่จะได้เห็นจากร้านนี้อย่างสิ้นเชิง.. ข้าวหมูแดงเขาจะใช้วิธีขยุ้มโปะ หมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง ทุกอย่างถูกหยิบมาแบบขยุ้มๆ วางเกลี่ยๆ ลงบนข้าว ในแบบที่ตำแหน่งแต่ละชิ้นไม่มีความเกี่ยวโยงกันในแง่ใดทั้งสิ้น แล้วราดด้วยน้ำที่ปรุงมาแบบสูตรทีเด็ด สีจะออกน้ำตาลอ่อน กึ่งใสๆ แลดูจืด (แต่ที่จิงรสชาติหวานมันส์ถึงใจกระผมแท้ๆ) ผมว่าร้านนี้เผลอๆ จะอร่อยกว่าข้าวหมูแดงที่เคยกินที่นครปฐมด้วยนะ.. เออเป็นไปได้ไง สงสัยเพราะกลิ่น+ควันจากการย่างหมู ที่อบอวลอยู่ในร้านและติดหัวออกมาด้วยหลังจากกินเสร็จมั้ง ที่มันเป็นสเน่ห์ของร้านนี้ ช่วยให้รู้สึกอร่อยขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์

อ้อ.. ร้านข้าวหมูแดงแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาทีวีด้วยนะ เป็นเพลงรอสายของเอไอเอส ที่มีอาแปะหัวล้านคนนึงยืนหั่นหมูแบบเอ้อระเหยเรื่อยเปื่อย แล้วลูกค้าที่นั่งรอที่โต๊ะ+ที่ยืนต่อคิวซื้ออยู่ก็ร้อง "ใจจะขาดแล้วเอ๊ยยย.." และอาแปะร้องตอบด้วยเพลงป้าเบิร์ด "โอ้ โอ้ละหนอ น้องรอดีดี เรื่องพรรค์อย่างนี้ ต๊องชายเหว่ล้าาา.." นั่นแหละครับถ้ายังพอจำกันได้ แต่ว่าสภาพร้านในทีวีมันสว่างกว่าจริงเยอะเลย และอาแปะในโฆษณานั่นก็ไม่ใช่เจ้าของร้านตัวจริงหรอกนะครับ ตัวจริงยังหนุ่มอยู่เลย และชอบพูดอะไรขำๆ ขึ้นมากลางอากาศ ไม่ก็แซวกันเองกับคนเสิร์ฟ ให้ลูกค้าได้ยินและแอบอมยิ้มกันไปโดยไม่คิดมูลค่า เช่นเดียวกับน้ำแข็งเปล่าร้านนี้ที่บริการให้ฟรีไม่คิดตังค์ซักบาท (หายากนะครับ ร้านที่ใจดีแบบนี้ เดี๋ยวนี้แก้วละสองบาทยังจะไม่ยอมแล้วเลย บางร้านอ่ะ..)

เมนูแนะนำคือ หมูแดง+ไข่ เพราะว่าหมูกรอบกับกุนเชียงของร้านนี้อยู่ในระดับแค่ดีเฉยๆ ไม่ถึงกับดีมากจนต้องออกปากชม แต่ตัวหมูแดงกับไข่นั้นเรียกว่าสุดยอดทีวีแชมเปี้ยนกันเลยทีเดียว หมูแดงนี่ย่างกันสดๆ หลังร้าน ควันฉุยๆ หั่นแบบหนาๆ เนื้อนุ่มๆ และไม่ทาสีแดงให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพเลยแม้แต่น้อย ตักเข้าปากพร้อมข้าวและน้ำราดสีจืดไม่แพ้กัน (สรุปสีจืดทุกอย่างร้านนี้) รสชาติที่ได้กลับกลมกล่อมหวานมันนุ่มลิ้น ไม่เข้มข้นเกินไปแบบร้านอื่นๆ เออไม่รู้ว่าปรุงน้ำมาด้วยอะไรแฮะ.. และถ้าบังเอิญเขาราดน้ำมาให้น้อยเกินไป ก็ขอเพิ่มได้ไม่ว่าอะไรกัน บางทีเห็นผมนั่งกินอยู่แล้วดูข้าวแห้งเกินไป เขายังเดินมาขอเติมน้ำราดให้ถึงที่ ทำเอาเราคนกินรู้สึกเขินแทน ..ส่วนไข่ต้ม ก็ต้องขอบอกว่าเป็นทีเด็ดอีกอย่างของร้านนี้ เพราะเขาจะใช้ไข่เป็ด ต้มมาแบบยางมะตูมทุกลูก ผ่าครึ่งมาให้ ลักษณะของไข่เป็ดนี่จะน่ากินกว่าไข่ไก่ ไข่ขาวจะสีขาวมากๆ และมีรสคาวติดปลายลิ้นเล็กน้อย ส่วนไข่แดงจะมีสีออกส้มๆ แปร๋นๆ ยิ่งเป็นแบบยางมะตูมแล้วนี่ โอย..ยั่วน้ำลายกันสุดๆ.. สรุปว่าสั่งหมูแดง+ไข่ เถอะครับ อร่อยเด็ดทุกอย่างทั้งหมู ไข่ น้ำราดอุ่นๆ ไปจนถึงข้าวสวยร้อนๆ และแตงกวาที่เปียกน้ำราด.. เอ๊ะตกลงน้ำราดเขาใส่ผงชูรสหรือว่ากัญชารึเปล่าเนี่ย ทำไมชมกันออกหน้าออกตา และฟังดูเสพติดๆ ได้ขนาดนี้

ราคาค่าตัวก็อยู่ที่จานละ 30 บาท ไม่ว่าจะเลือกใส่หมูแดง/หมูกรอบ/กุนเชียง/ไข่ กี่อย่าง หรือจะครบทุกอย่างเลยก็ตาม ถ้าสั่งพิเศษก็เพียง 35 บาท แต่จะได้ไข่เต็มฟอง และได้หมูเพิ่มอีกเยอะมากแบบไม่กลัวขาดทุน จนผมงี้ซึ้งใจน้ำตาแทบร่วง เพราะเดี๋ยวนี้ไปสั่งพิเศษร้านไหนมักจะดูไม่ค่อยออกว่านอกจากสีจานแล้ว มันมีตรงไหนที่ต่างจากธรรมดาบ้าง แหะๆๆ.. (แต่ถ้าท่านดวงไม่ดี ไปอุดหนุนร้านนี้ในวันที่อาอึ้มคนนึงอยู่ด้วย ซึ่งก็คือแม่ของคนหั่นน่ะแหละ.. แกก็จะเป็นคนหั่นเอง หยิบเอง และปริมาณหมูในจานของท่านจะน้อยกว่าปกติพอสมควรเลยเชียว.. พูดง่ายๆ ว่าพิเศษของแม่เท่ากับธรรมดาของลูก ว่างั้น..) และถ้าใครอยากได้ใส่ห่อกลับบ้านในแบบชั่งกิโล ก็สามารถสั่งได้เช่นกัน ทั้งหมูแดง/หมูกรอบ/กุนเชียง ราคาอยู่ที่ขีดละ 30 หรือ 35 บาท ไม่แน่ใจ ผสมกันหลายอย่างก็ได้ด้วย เอาอะไรมากอะไรน้อยก็บริการให้ได้อย่างใจ แถมน้ำราดรสนุ่มใส่ถุงกันไปฟรีๆ อีกด้วย โห..นับว่าคุ้มมากๆ เลยนะสำหรับราคานี้และรสชาติระดับเทพขนาดนี้ ..เขียนชมกันมาได้ย๊าวยาวก็เลยไม่แปลกใจที่ร้านนี้จะเป็นที่โปรดปรานของบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศทั้งหลาย ที่ลงทุนเดินมาจากไหนก็ไม่รู้ หรือบางทีก็มีใครขับรถมาซื้อกลับบ้านกันเลยเชียวนะ หมูแดงร้านนี้เหมาะกับการจัดเลี้ยงมากๆ เลยจะบอกให้

อีกร้านที่จะแนะนำกันในวันนี้ก็คือสุกี้ครับ.. ร้านนี้จะเป็นการจับมือร่วมทุนกันระหว่างรถเข็น 5 เจ้า ได้แก่ สุกี้, ข้าวขาหมู, ข้าวมันไก่, ก๋วยจั๊บน้ำใส, และเกาเหลาเลือดหมู ซึ่งที่ผมลองชิมดูแล้วก็พบว่า นอกจากสุกี้ที่ทีเด็ดระดับ 5 ดาวแล้ว ที่ได้รับความนิยมสูงอีกอย่างก็คือก๋วยจั๊บน้ำใส ซึ่งวันหลังค่อยพูดถึงก็ละกัน ส่วนอย่างอื่นก็งั้นๆ ล่ะครับ ไม่ประทับใจ.. ตัวร้านนี้ตั้งอยู่ที่ปากซอยจุฬาฯ 50 นั่นเอง ตรงกับป้ายตลาดสามย่านที่ว่าไว้ตอนต้นนั่นเลย ก่อนที่คุณจะเดินเข้าซอยไปหาข้าวหมูแดง ก็จะเจอร้านหัวมุมที่เปิดโล่งสองด้านและมีรถเข็นอยู่ในร้านถึง 5 คัน นั่นล่ะครับที่ตั้งของสุกี้ทีเด็ดในใจกระผม..

สุกี้เจ้านี้จะมีเมนูเฉพาะสุกี้เท่านั้น ไม่ขายอย่างอื่น ให้รู้กันไปเลยว่าป้าเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ป้าคนทำก็เชี่ยวในการทำสุกี้ ป้าคนเสิร์ฟก็เชียวชาญในการท่องจำสุกี้ (เพราะคิวจะยาวมาก ไม่รู้แกจำได้ไงว่าใครสั่งอะไรและใครมาก่อนใคร..) เหมือนที่สุภาษิตว่าไว้ รู้อะไรให้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล (ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน เกิดเป็นคนควร.. เอ้ย! ท้ายๆ นี่ผิดแล้ว!) โดยมีให้ทานทั้งแบบน้ำและแห้ง กระผมขออนุญาตแนะนำให้สั่งแบบน้ำเพราะเป็นน้ำที่ดูดีมีสกุล และไม่ได้เทมาท่วมๆ หรืออัดน้ำจิ้มมาอย่างข้นคลั่กแบบทั่วไป แต่จะต้มมาแบบใสๆ (ที่จริงก็ไม่ได้ใสปิ๊งแบบแกงจืดหรอกนะ) ปริมาณพอขลุกขลิกๆ และแยกน้ำจิ้มมาให้ ปรุงกันเองตามใจชอบ (ผมก็เลยชอบเลย เพราะอยากจิบน้ำซุปแบบใสๆ ก่อน ผัก+เนื้อสัตว์นี่เอาไปจิ้มๆ ในถ้วยน้ำจิ้มเอา แล้วพอครึ่งชามหลังค่อยผสมน้ำจิ้มลงไป.. แบบว่าชามเดียวได้ถึงสองรสชาติ.. แหะๆๆ)

แล้วที่ว่าเป็นสุกี้ทีเด็ดนี่เด็ดตรงไหนหรือ ก็ต้องขอบอกว่าเด็ดไปซะหมดทุกอย่าง ดังจะได้กล่าวต่อไปนี้..

(1) ร้านนี้จะเลือกใช้ผักกาดขาว ผักบุ้งที่สวยสะอาด และใส่มาให้มากกว่าร้านทั่วไป (ที่ดันไปเน้นวุ้นเส้น) ถึงผักยังไม่มากระดับสะใจแต่ก็ถือว่ายังดี (เพราะเดี๋ยวนี้หาผักกินยากกว่าเนื้อสัตว์อีก) นี่เห็นร้านนี้วันนึงขนผักกาดขาวมาหลายกาละมังเลย ผักสะอาดบวกกับน้ำซุปใส กินแล้วรู้สึกดีนะ ออกแนวชีวจิตหน่อยๆ ด้วย อิๆๆ ... (2) น้ำจิ้มก็ไม่ธรรมดาครับกระผม คือไม่ว่าน้ำจิ้มในร้านสุกี้ระดับหรูหราขนาดไหน หรือจะซื้อแบบขวดแบบกระปุกจากห้างใด ก็ล้วนแล้วแต่มีสีออกแดงๆ สดมากสดน้อยก็แล้วแต่ แต่รสชาติจะคล้ายกันไปหมดคือเน้นเปรี้ยวเต้าหู้ยี้ (หรือเผ็ดด้วย) เป็นหลัก แต่ว่าน้ำจิ้มร้านนี้จะไม่เหมือนใครเลย เป็นแบบสีน้ำตาลตุ่นๆ มองเผินๆ อาจจะทำให้ท่านเผลอแย้งไปว่าไม่ได้สั่งข้าวมันไก่ พอชิมแล้วนั่นแหละถึงจะเชื่อว่าเป็นน้ำจิ้มสุกี้จริงๆ และผ่านการปรุงมาแบบกลมกล่อมทั้งหวาน+เค็ม+เปรี้ยว+เผ็ด ไม่มีรสชาติไหนเด่นหรือด้อยไปกว่ากัน เรียกว่ารสปะแล่มๆ ลงตัวไปอีกแบบ เอาอะไรไปจิ้มก็อร่อย เอามาผสมลงไปในชามก็รสชาติดี จนอยากซื้อน้ำจิ้มใส่ขวดกลับบ้านให้มันรู้ไป ... (3) เด็ดสุดของร้านนี้ที่ผมเชิญชวนเพื่อนๆ มาทานแล้วติดใจกันนักต่อนักก็คือเจ้าเนื้อสัตว์นี่ล่ะครับ ไหนๆ ก็จะปรุงสุกี้แนวชีวจิตกันแล้ว เนื้อสัตว์ก็เลยเลือกใช้แบบพิเศษไม่เหมือนใคร (อีกละ..) ไม่รู้ว่าเอาไปผ่านกรรมวิธีอันใด หมัก หรือทุบ จนกระทั่งเป็นชิ้นแบนราบ และมีความอ่อนนุ่มกว่าปกติอีกระดับ ชนิดที่ว่าสั่งเนื้อแล้วหลอกเพื่อนว่าเป็นหมู สั่งหมูหลอกว่าเป็นไก่ หรือสั่งไก่แล้วหลอกว่าเป็นปลา ได้สบายๆ.. ไม่ได้พูดเกินจริงนะครับเพราะผมหลอกเพื่อนสำเร็จมาแล้วหลายราย ฮ่าๆๆ.. โดยปกติแล้วเนื้อ (ที่นุ่มเหมือนหมู) จะหมดเร็วที่สุด แต่การสั่งไก่ (ที่นุ่มเหมือนปลา) มาทานก็บรรเจิดลิ้นไม่แพ้กัน อันนี้เลือกได้ตามปรารถนา หรือสุกี้รวมมิตรหมูไก่เนื้อก็พอจะได้ยินคนสั่งเช่นกัน ..อ้อ! แต่หมึก/กุ้งไม่มีนะครับร้านนี้ (ไม่งั้นท่านอาจได้เห็นหมึกเหมือนกุ้ง และกุ้งเหมือนปู.. ฮ่ะๆๆ) เลือกได้แค่ หมู/ไก่/เนื้อ และ น้ำ/แห้ง และ ธรรมดา/พิเศษ แค่นั้น

ราคาสุกี้ชามละ 30 บาท ถ้าพิเศษก็ 40 แต่ปริมาณแทบไม่ต่างจากธรรมดาเลย ขอแนะนำให้ท่านทานแบบธรรมดาจะดีกว่า (เนื้อหรือไก่แล้วแต่ถนัด) แล้วค่อยเดินไปต่อข้าวหมูแดงตบท้ายให้อิ่มท้องกันไป.. เรื่องลำดับการทานนี่ก็สำคัญเหมือนกันนะ เพราะร้านข้าวหมูแดงทำเร็ว และทานได้เร็วคล่องคอ ส่วนร้านสุกี้นี่คนจะรอคิวกันยาวมาก ยิ่งถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์ด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึง ผมเคยนั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมงจนท้องร้องครืดคราดมาแล้ว (โดยที่ 15 นาทีผ่านไปจะมีน้ำจิ้มยกมาวางให้เชยชมกันก่อนด้วยนะ เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าป้ายังไม่ลืมคิวของหนูหรอกนะ และอย่าเพิ่งถอดใจลุกหนีไปไหนล่ะ..) คิวยาวและต้องทำทีละชามๆ ก็ต้องทำใจ รอนานเป็นเรื่องธรรมดา เลยอยากแนะนำว่าถ้าท่านหิวควรไปทานข้าวหมูแดงก่อนแล้วค่อยมานั่งรอสุกี้ แต่ถ้าอยากทานแบบต่อเนื่องก็สุกี้ก่อนแล้วไปต่อข้าวหมูแดง จะได้ทานทันที ..เอ๊ะหรือถ้าคิวยาวนักก็แวะสั่งสุกี้ก่อนแล้วชะแว๊บไปทานข้าวหมูแดงค่อยกลับมาก็ยังทัน แบบนี้ก็ไม่เลว.. เอ้อแล้วเราจะเขียนไอ้เรื่องพวกนี้ทำไมยาวๆ เนี่ย.. จะมีคนไปชิมตามร้านที่เราแนะนำหรือเปล่ายังไม่รู้เลย.. 5555

ทั้งข้าวหมูแดงและสุกี้ สองร้านนี้ปิดเร็วนะครับ ขายตั้งแต่สายมากๆ (สิบ-สิบเอ็ดโมง) ไปจนถึงบ่ายแก่ๆ สักบ่ายสอง (สุกี้) หรือบ่ายสาม (ข้าวหมูแดง) ก็ของหมดเก็บร้านกันแล้ว ตามประสาของอร่อยที่จะไม่ค่อยเปิดรอลูกค้านาน มีเท่าไหร่ขายเท่านั้น ..ตรงจุดนี้ผมว่าดีนะ เป็นศักดิ์ศรีและความภูมิใจส่วนตัว ว่าถ้าของตูอร่อย+ดีจริงซะอย่าง ก็ไม่ต้องร้องเรียกลูกค้าและไม่ต้องง้อใคร แค่ที่ทำอยู่ก็เหนื่อยกำลังดีและมีลูกค้าประจำมากมายอยู่แล้ว.. อ้อ.. แต่ไม่ใช่ว่าก็เลยบริการแย่นะ คือเรื่องบริการก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ผมเลือกกินหรือไม่กินร้านไหนเหมือนกัน ไม่ถึงกับต้องดีเลิศ เพราะสังคมเดี๋ยวนี้นี่ ขอแค่บริการไม่น่าเกลียดนักก็บุญแล้วเนอะ..
นวย 19/10/2007 16:15 
บรรยายซะ(ต้องหารพันมั้ยเนี่ย) ถ้าใครมาอ่านคงอยากไปลองชิม
yupee 24/10/2007 14:37  [ 1 ] 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ