0475
9/7/50 .. บล๊อกแท็ก (1) : เรื่องของ…
แสดงทั้งหมด

10/7/50 .. บล๊อกแท็ก (2) : ดนตรี - ฟังตอบ: 0, อ่าน: 3384

-1-

ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงไทยขนาดหนัก ตั้งแต่จำความได้ก็ฟังมาโดยตลอดเท่าที่มีเวลา
ตอน 5-6 ขวบ เทปของใครไม่รู้ที่บ้านทุกๆ ชุด (น่าจะเป็นน้า) จะถูกผมเปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซึ่งเพิ่งมาพบว่า รสนิยมการฟังเพลงของน้าเราในสมัยนั้นนับว่าจ๊าบดีเลย
ไม่ว่าจะเป็น เต๋อ-1, เฉลียง อื่นๆ อีกมากมาย+เอกเขนก, คาราบาว เมดอินไทยแลนด์
ส่งผลให้ผมค่อยๆ ซึบซับ และชอบฟังเพลงลักษณะนี้ไปด้วย.. นี่ก็นับเป็นข้อดีข้อใหญ่ๆ ในชีวิต
คิดดู.. เด็ก 6 ขวบที่ไหนฟังเพลงแบบนี้กันมั่งเล่าครับ แต่ตอนนั้นผมดันตั้งใจฟังและชอบมากๆ
รู้สึกเอาเองว่านอกจากเพลงเพราะ ฟังเพลิน แล้ว ในเนื้อเพลงยังมีสาระสอนเราด้วยอีกตะหาก

เริ่มโตหน่อยก็จะเริ่มรีเควสท์ละ อยากได้เทปม้วนไหนก็จะขอให้พ่อหรือน้าซื้อให้
เทปม้วนแรกที่ได้เป็นสมบัติของตัวเอง (ไม่นับเทปเฉลียง ปี 29-30 ที่ยึดจากน้ามาเลยดื้อๆ)
ก็คือ รวมฮิตอินโนเซ้นท์ ตลับทอง (ออกในปี 2532) ..เป็นของรางวัลที่สอบ ป.3 ได้คะแนนดี :]
(จากนั้นตามมาด้วยเบิร์ด ส.ค.ส, เอ็ม สุรศักดิ์ อยู่ตัวอยู่แล้ว, บิลลี่ เข้ม, ใหม่ ไม้ม้วน ..เป็นอาทิ)
..ในช่วงนั้นชอบดูวงอินโนเซ้นท์มากๆ จำได้ว่าเพิ่งออกอัลบั้มสุดท้าย คือ "10 นาฬิกา"
วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดดูทีวีตอนเช้าๆ หลังการ์ตูนจบก็จะเป็นรายการเพลง ค่ายนิธิทัศน์
จุดนั้นเองที่ทำให้ผมรู้จักวง ดิอินโนเซ้นท์ โดยเฉพาะพี่โอม ชาตรี .. โห คนนี้เจ๋งจัง
และก็ได้นั่งดูมิวสิควีดิโอ เพราะเธอหรือเปล่า, เห็นใจกันหน่อย, เกิดมาทำไม, ขายหัวเราะ
ยังจำติดตาเลย ภาพพี่โอมแกโซโล่กีตาร์ ในห้องที่มีแสงสีน้ำเงินๆ ใน mv "เห็นใจกันหน่อย"
(ทั้งที่ตอนนั้นไม่เห็นจะชอบเลยนะเพลงนี้ มันฟังยากหรือเนิบเกินไปสำหรับเด็ก หรือไงก็ไม่รู้)

กว่าผมจะเริ่มซื้อเทปด้วยตังค์ค่าขนมของตัวเอง ก็ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6
เทปม้วนแรกที่ซื้อเองคือ เพลงโลกเบี้ยว#1 (เพลงแปลงทั้งชุด ฟังแล้วตลกดี) ออกในปี 2535
จากนั้นก็เพลงละคร ชุด ตะกายดาว (ชอบเพลงเอ็กแซคท์ยุคแรก.. เพิ่งมารู้ทีหลังว่าฝีมือใคร)
ไฮดร้า อัศเจรีย์, สวอน ซะแล้ว, ธเนศ ร็อกกระทบไม้, อนันต์ ขออภัยในความไม่สะดวก
ทั้งหมดนี้คือเทปที่ซื้อในปีนั้น (จำได้เพราะจดรายชื่ออัลบั้มที่มีไว้หมดเลยจนกระทั่งปัจจุบัน)
..แรกๆ ยังไม่ค่อยกล้าซื้อมากนัก กลัวแม่จะว่าว่าเปลืองตังค์ ก็เลยแย๊บๆ ..นานๆ ซักม้วนนึง
และพอถึงปีถัดๆ ไป เริ่มเห็นว่าซื้อได้ไม่มีปัญหาถ้ารู้จักเก็บเงินเอง ทีนี้ซื้อกระหน่ำเลยครับ!
2536 = 20, 2537 = 22, 2538 = 41, 2539 = 49, 2540 = 62, ฯลฯ ซื้อเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ

เหตุที่ช่วงปี 2538 เป็นต้นมา จำนวนเทปที่ผมซื้อมีปริมาณมากขึ้นอย่างน่าประหลาด
ก็เป็นเพราะ อะไรๆ ทุกอย่างมันประจวบเหมาะพอดี เป็นช่วงที่มีความสุขกับการฟังมากเลย
..ทั้งอัลบั้มที่ออกมาเริ่มมีแนวดนตรีแปลกๆ น่าสนใจๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
(ประมาณว่าเฮ้ย อัลเตอร์เนทีฟร็อก ..คืออะไรวะ?, อาร์แอนด์บี ..คืออะไรวะ?)
และอีกทั้งเพื่อนๆ (ม.3) ก็เอาเทปมาแลกเปลี่ยน/แนะนำกัน ไปเรียนก็คุยกันแต่เรื่องฟังเพลง..
ตัวอย่างอัลบั้มที่ซื้อในปีนั้นก็เช่น ป้าง (ไข้ป้าง), สไมล์บัฟฟาโล่ (ชุดแรก), ซีเปีย (สองเอก),
นุ่มลงมาหน่อยก็ ฟอร์ด (ชุดแรก), บอยด์ (ชุดแรก), สมเกียรติ ก็ออกอัลบั้ม ซีเควนซ์
รวมทั้งเบิร์ดกะฮาร์ท (3 อัลบั้มเก่า ขายใหม่) ผมก็ได้รับการแนะนำจากจากเพื่อนเช่นกัน


-2.1-

ร้านเทปที่ผมอุดหนุนเป็นประจำ ตั้งแต่ตอน ป.6 จนถึง ม.6 มีอยู่ร้านเดียว แถวๆ บ้านเดิม
ชื่อร้าน กัญญาเทป (แต่ขายกุนเชียง หมูแผ่น ซะครึ่งร้าน) ตั้งอยู่ตรงข้ามโรบินสันบางรัก
(อีกเจ้าเป็นแผงอยู่สีลม ผมแอบเรียกคนขายในใจว่าน้าแอ๊ด เพราะท่าทางแกเพื่อชีวิตดี)

ไม่รู้อาเจ๊ คนขาย จะยังจำผมได้หรือเปล่า ไอ้เด็กที่มาซื้อเทปกับแกแทบทุกสัปดาห์
..หัวเกรียนๆ ผอมๆ ใส่ชุดอยู่บ้าน เสื้อยืด+กางเกงขาสั้นแบบยางยืด กระเป๋ากางเกงเป็นซิป
และควักแบงค์ยี่สิบจากกระเป๋ากางเกง (แน่นอนว่าเก็บจากค่าขนม) ออกมาจ่ายเป็นค่าเทปทุกครั้ง
พอได้เทปมาอยู่ในมือ ก็รีบจ้ำๆๆ กลับบ้านอย่างตื่นเต้น อยากกลับไปเปิดฟังให้เร็วที่สุด

บางทีผมยังคิดเลยว่า ซื้อบ่อยขนาดนี้ทำไมไม่ลดให้มั่งวะ! ตูนี่ลูกค้าชั้นดีเลยนะ
มาซื้อแทบจะวันแรกที่วางแผงตลอด (แกจะเอาอัลบั้มออกใหม่ๆ ไว้หน้าสุด ให้เป็นที่สังเกตง่ายๆ)
นี่ถ้าตูเลิกอุดหนุน ร้านอาจจะซบเซาได้นะ (..คิดไปได้) ..แล้วอีกอย่าง น่าจะเห็นใจเด็กบ้างนะ
แต่คิดให้ตายแกก็ไม่ได้ยิน และไม่เคยลดราคาให้ซักบาท ตั้งแต่ม้วนแรกจนม้วนสุดท้ายที่ซื้อ
..ผมไม่ได้อุดหนุนแกมา 8 ปีแล้ว เพราะย้ายบ้าน ..แต่ผ่านไปกี่ที ร้านนี้ก็ยังเปิดอยู่เลยครับ!

ความจริงราคาขายของร้านนี้ก็อยู่ในระดับยุติธรรม สำหรับชาวบ้าน (และเด็กวัยรุ่นยากจนอย่างผม)
นั่นคือ ลดจากราคาปกไป 25 บาท.. เช่น ปก 85-90-95-99 ก็จะขาย 60-65-70-75 บาท ตามลำดับ
(คือราคาบนปกเทป ในช่วงนั้น จะขึ้น 5 บาททุกสองปี ราคาขายก็จะถูกขยับตามไปด้วย)
ไอ้ลดก็ดีอยู่ แต่เด็กอย่างเราบางทีก็สงสัยว่า แล้วอากู๋จะตั้งราคาปกมาแพงๆ เพื่อมาลดราคาทำไม
ก็เพิ่งรู้ตอนโตนี่เองล่ะครับ ว่าราคาปกนั้นเขาตั้งไว้เพื่อไม่ให้ร้านใดขายแพงไปกว่านี้ต่างหาก
ใครอยากตั้งราคาเท่าไหร่ก็ตั้งกันไปตามอัธยาศัย (เป็นไปโดยอัตโนมัติตามกำลังซื้อของลูกค้า)
ร้านริมถนนก็พยายามลดราคากันสุดๆ.. ส่วนร้านในห้างก็พยายามจะเอาให้เท่าราคาปก

จนถึงตอนนี้ผมยังเห็นคนยินดีจะซื้อของราคาแพงๆ จากร้านดีเจสยาม หรือร้านในห้าง
ทั้งที่เดินออกมาหน่อยก็มีของที่เหมือนๆ กัน ในราคาถูกกว่ากัน 10-20% รออยู่แท้ๆ..
ส่วนใหญ่เป็นเพราะความไม่รู้ นึกว่าราคามันเป็นแบบนั้นของมันอยู่แล้ว.. ก็ดูเอาจากปกอ่ะ!

ด้วยกลไกราคาที่พยายามบีบให้ผู้ฟังหันมาซื้อซีดี (แทนที่จะเป็นเทป)
โดยค่อยๆ ขึ้นราคาเทป (จำได้ว่าขึ้นถึง 109 บาทเมื่อ 5 ปีก่อน.. ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเท่าไรแล้ว)
และค่อยๆ ลดราคาซีดีลงมา จาก 350 - 280 - 240 - และ (โอ้! ขอบคุณแผ่นผี+เอ็มพี3!) 155 บาท
เมื่อ 6 ปีก่อน ผมก็เลยเปลี่ยนมาซื้อซีดีแทนเช่นเดียวกับนักฟังเพลงถูกลิขสิทธิ์ทั้งหลาย
แรกๆ ยังมีการเลือกที่รักมักที่ชังอยู่ ว่าชอบมาก-ซื้อซีดี ชอบน้อย-ซื้อเทป
แต่ตอนหลัง ความสะดวกสบายของซีดีก็ทำให้เลิกซื้อเทปขาดไปเลย
(แล้วก็ให้เป็นทุกข์ที่ต้องตามซื้ออัลบั้มที่ชอบๆ มาซ้ำ ในแบบซีดี ..ทุกวันนี้ก็ยังตามเก็บไม่ครบเลย)
และรู้สึกจะกระหน่ำซื้อซีดีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
..เป็นอัตราผกผันกับอัลบั้มดีๆ เจ๋งๆ ซึ่งหาได้ยากขึ้นทุกวันๆ


-3.1-

สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือ ผมมีอัลบั้มของค่ายเบเกอรี่ครบทุกชุด (หมายถึง เทป/ซีดี ของจริงอ่ะนะ)
ครบจริงๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งซิงเกิ้ล อีพี รีมิกซ์ รวมฮิต แสดงสด หรือมิวสิควีดิโอ..
(อาจจะขาดบางชุดที่ไม่ได้หาซื้อกันได้ตามแผงทั่วๆ ไปอ่ะ พวกนั้นจนปัญญาจริงๆ)

ไม่รู้ว่าเรียกสะสมได้หรือเปล่า เพราะไม่ได้รักจัดถึงขนาดออกรายการแฟนพันธุ์แท้ได้
แล้วก็รู้สึกเสียดายเงินทุกครั้งที่ต้องซื้อไอ้ที่มันไม่ใช่อัลบั้มเต็ม
อารมณ์แบบเป็นหน้าที่อ่ะ ซื้อๆ ไปเถอะๆ ไหนๆ ก็ซื้อมาครบตั้งแต่แรก
และเขาก็ออกแค่เดือนละไม่เกิน 2-3 ชุดเอง ก็ไม่ได้ทำให้ขัดสนอะไร ซื้อได้สบายๆ อยู่แล้ว..


ถ่ายรูปมาเป็นหลักฐานคร่าวๆ เฉพาะเทปก็ละกันครับ
ส่วนซีดีนั้นกระจัดกระจายอยู่ในหลายชั้น หลายกอง ไม่สามารถดึงมารวมกันได้ง่ายๆ



-2.2-

..มาพูดถึงร้านขายเทป/ซีดี กันต่อดีกว่าครับ
ซีดีชุดแรกๆ ที่ผมซื้อคือ โป (กล่องแสดงความคิดเห็น), เล็ก สลาลม, และ Bear-Garden ชุดแรก
โดยซื้อหลังจากย้ายบ้านได้ไม่นาน ยังไม่มีร้านประจำร้านใหม่ จึงซื้อจากสามย่านบ้าง สยามบ้าง
สองแผ่นแรกนั้นซื้อเพราะราคาปกไม่แพง, ส่วนแผ่นหลัง ปกแพง แต่ซื้อเพราะไม่ยอมออกเป็นเทป
..ซึ่งการควักเงินจ่ายค่าอัลบั้ม 1 ชุด ในราคาเกือบ 300 บาท จากที่เคยจ่ายแค่ 80-85 บาทนั้น
มันบีบหัวใจอยู่เหมือนกัน.. เข้าใจเลยว่า "อินดี้" รึเปล่า เค้าดูกันตรงราคาปกนี่เอง!
ยังดีที่อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่ชอบมากๆๆ ก็เลยไม่เสียดายตังค์แล้ว รู้สึกดีอีกตะหากที่ไม่ได้เป็นเทป

หลังจากย้ายบ้านแล้ว ผมก็เปลี่ยนร้านเทป (ซีดี) ที่อุดหนุน ไปอีกหลายร้าน
เพราะจะพยายามหาร้านที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ และต้องมีของหายากตามต้องการด้วย
(นั่นคือซีดีจากค่ายเล็กค่ายน้อยทั้งหลาย ที่ไม่ค่อยจะมีร้านไหนอยากรับมาวาง เพราะขายไม่ออก)
..ที่พอจะเรียกได้ว่าประจำก็มีอยู่สองร้าน คือในห้างพาต้าอินทรา ชั้น 2 ..ชื่อร้านสากลคาสเซ็ต
(ปัจจุบันย้ายลงมาอยู่ชั้น 1 แล้ว และห้างก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นอินทราสแควร์แล้ว)
ร้านนี้ขายซีดี 155 = 129 บาท, 190-199 = 180 บาท ก็ถือว่าไม่แพง ราคาเหมาะสมดี
แต่จะขายซีดีเบเกอรี่แพงมาก คือจากปก 300 ราคาขายจะอยู่ที่ 250-265 บาท.. สู้ไม่ไหวอ่ะ
ไปแอบเห็นว่าร้านรูปที่สามย่าน ขายแค่ 235 เอง แต่ที่วางขายจะเน้นเบเกอรี่เป็นหลักไปหน่อย
สรุปก็เลยต้องแยกซื้อเอาตามค่าย แบบว่าค่ายนี้ต้องไปร้านนั้น แต่ถ้าค่ายนั้นต้องมาเอาที่ร้านนี้..

แล้วหลังจากจบปี 4 ผมก็เปลี่ยนมาอุดหนุนประจำกับแผงเปิดใหม่ริมถนน แยกราชเทวี
(ซึ่งต้องเดินผ่านทุกวันอยู่แล้ว เวลากลับบ้านในตอนค่ำ)
เจ้านี้เจ๋งมาก ขาย 155 = 125 และเบเกอรี่ 300 = 235 เท่านั้นเอง..
แถมยังสั่งแผ่นค่ายเล็กค่ายน้อยได้ด้วย แล้วเขาจะไปรับมาเป็นพิเศษเพื่อเราโดยเฉพาะ
แต่ร้านนี้คนขายแปลกๆ อยู่ซักหน่อย คือไม่รู้อะไรนอกจากเพลงลูกทุ่ง แต่ไม่ขายลูกทุ่ง!
แกจะขายแกรมมี่ อาร์เอส เบเกอรี่ อินดี้ ฯลฯ ต่างๆ นานา ตามที่ลูกค้าแถวนี้นิยมกัน
แล้วพอเห็นว่าผมซื้อบ่อยๆ เข้า ก็เลยใจดีลดราคาให้ผมบ้าง
(ลดให้แผ่นละ 5 บาทตูก็ดีใจสุดๆ แล้ว เพราะร้านอื่นเคยลองพูดยังไงก็ไม่มีวันลดให้)
แต่ต้องแลกกับคำถามประเภทว่า แผ่นนั้นแผ่นนี้ดีมั้ย เพราะมั้ย รับมาขายจะดีมั้ย
ไอ้ผมตอนนี้ก็ฟังเพลงประหลาดโลกอยู่ด้วยสิ แกรมมี่อาร์เอสก็ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่
เลยตอบไปแบบงูๆ ปลาๆ ..อาศัยความรู้สึกส่วนตัวบวกกับกระแสที่ได้ยินเด็กๆ คุยกัน
เอ่อพี่ครับ! ความจริงใครต้องแนะนำใครกันแน่ฟะเนี่ยครับ!

เคยคิดจะไปฝึกงานกับแผงซีดีริมถนนนี่เหมือนกันนะ
เพื่อเป็นประสบการณ์ไว้ใช้ตอนเปิดร้านหรูของเราเอง แต่ท้ายที่สุดก็ได้แค่คิด
(เอ้อ.. เชื่อไหมว่า เคยชวนตาคนขายเนี่ย มาหุ้นเปิดเป็นร้านด้วยกันด้วยล่ะ แต่เขาไม่เอา)
คงเพราะ "คลองถม" ทำให้ผมไม่ได้แวะซื้อที่แผงนี้อีกเลย (กลับบ้านก็ต้องเลี่ยงๆ เดินไปทางอื่น)
หลังจากได้ยินเขาพูดบ่อยๆ ว่า แผ่นที่สั่งไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปหิ้วมาให้จากคลองถม
คือฟังไปฟังมาก็ชักคิดได้ เอ๊ะ..แล้วทำไมตูไม่ไปคลองถมเองล่ะวะ ไปเลือกซะให้พอใจเลย
(แล้วไม่นาน แผงนี้ก็ปิดกิจการไป ซึ่งดูจากความขยัน+ความรอบรู้ ของคนขายแล้ว ก็สมควรอยู่)

จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว ที่ผมต้องถ่อไปซื้อซีดีจากคลองถม (ไปด้วยเรือหรือไงฟะ)
เพราะราคาซีดีที่นั่นถูกมาก ถูกจนกลับมาซื้อราคาร้านทั่วไปไม่ลงซะอย่างงั้น..
(ต้องอดใจรอซักเดือนสองเดือน ให้รวบรวมรายการได้จำนวนพอเหมาะก่อน แล้วค่อยไปเหมา)
ยกตัวอย่างเช่น ซีดีที่มีราคาปก 155 บาท.. ในห้างก็จะขาย 155, ดีเจสยามขาย 140,
ร้านริมถนนขาย 125-129, ที่คลองถม ขายปลีก 115-120, และขายส่งจากยี่ปั๊ว 108 บาทครับ
(ยิ่งราคาปกแพงกว่านี้ เช่นแผ่นเบเกอรี่ จะยิ่งเห็นส่วนต่างได้ชัดเจนเข้าไปใหญ่เลยแหละ)
เคยมั่วๆ ตามเพื่อนคนนึงไปซื้อราคาส่งอยู่พักนึง แต่สุดท้ายใจไม่ด้านพอ ก็เลยเลิกดีกว่า
คิดว่าซื้อราคาปลีกที่คลองถมก็ถูกมากอยู่แล้วล่ะ อย่าให้ชีวิตต้องตื่นเต้นโดยไม่จำเป็นเลย..



-3.2-

ขอสรุปเรื่องเบเกอรี่บ้างครับ..
ปรากฏว่าช่วงปีหลังๆ เบเกอรี่ทำผมเซ็ง เพราะคุณภาพทุกอย่างด้อยลงมาก ไม่มีอะไรประทับใจ
..แล้วสุดท้ายก็รอดพ้นวิกฤตนั้นมาได้ เพราะผู้บริหารเปลี่ยนมือ (ก็คล้ายๆ การปิดค่ายนั่นแหละ)
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ตามซื้อมาได้ 10 ปีเต็มเลยเชียวนะ ในชีวิตไม่เคยทำอะไรได้นานขนาดนี้เลย
(นอกจากการเขียนบันทึกลงสมุดทุกวันๆ ที่ทำมาได้ครบ 10 ปีเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง)
หลังจากเบเกอรี่ปิด (เปลี่ยนเจ้าของ) เลยบอกตัวเองว่า ไม่ต้องซื้ออะไรครบๆ แล้ว! ทรมานชีวิต!
และก็เริ่มพบแล้วด้วยว่า เราไม่ได้ชอบฟังทุกแนวซะหน่อย
ฉะนั้นเราจึงเพิ่งมีซีดีค่ายเลิฟอิส (ซึ่งเป็นค่ายของเจ้าของเบเกอรี่เดิม) แค่ 2 ชุดเอง

แต่เอ๊ะ! ..ข้างเคียงกับกองซีดีเบเกอรี่บนชั้น ก็เห็นอยู่ว่า ซีดี smallroom ตูมีครบทุกชุดเลยนี่หว่า!
ตอนนี้กำลังเหงื่อตก และชั่งใจอยู่ว่าจะซื้อครบต่อไปดีไหม..
(เพราะเริ่มเห็นอัลบั้มโคตรเสียดายเงินโผล่มาบนชั้นแล้ว นั่นคือ slur, บอล จารุลักษณ์, และกิ)


-4-

แนวดนตรีที่ผมฟังอยู่ในปัจจุบัน ก็ค่อนข้างกว้าง ทั้งเก่าทั้งใหม่.. สมอลล์รูม เบเกอรี่ ค่ายเล็กต่างๆ
(ย้อนไปจนถึงยุคเฉลียง, เบิร์ดกะฮาร์ท, ดิอินโนเซ้นท์, หรือแจ้ ดนุพล ก็ยังหยิบมาฟังเรื่อยๆ)
แต่ที่ปักใจชอบเป็นพิเศษ ก็คงเป็นแนว guitar band ที่ไม่โหดหรือร็อคเกินไป (เน้นป๊อป/โซล)
ยิ่งอัลบั้มไหนที่มิกซ์เสียงมาดีๆ จะยิ่งถูกใจขึ้นไปอีก (ทั้งที่เครื่องเสียงตูราคาก็ไม่กี่พันบาทเนี่ยนะ)
ตัวอย่างวงที่ชอบตลอดกาล ก็มี เจตมนต์ (เพนกวิน), สี่เต่าเธอ, SSS, กีตาร์มก ประมาณนี้ล่ะครับ

งาน FaT Festival ที่จัดขึ้นในวันเสาร์+อาทิตย์แรกของเดือน พ.ย. เรื่อยมาทุกปี (6 ครั้งเข้าไปแล้ว)
ก็เป็นอีกที่นึงที่จะได้ไปซื้อซีดีราคาถูกสุดๆ (ผู้ผลิตมาเอง) กระทบไหล่คนดัง ดูดนตรี "แนวๆ"
ปีแรกๆ ผมไปแค่ครั้งละ 1 วัน แต่ 3 ปีหลังนี่ไปทั้งสองวันเลย กลัวไม่คุ้มค่าบัตร..

แต่แปลกตรงที่ผมไม่ได้ฟัง FaT เลยนี่สิ.. จะว่าไปไม่ได้ฟังคลื่นวิทยุเลยต่างหาก ฟังแต่ซีดี
ถามว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าจะซื้อแผ่นไหนมั่ง อันนี้มีสองทางครับ
(1) อ่านข่าวสารจากนิตยสาร DDT หรือตามเว็บต่างๆ เพื่อดูว่าอัลบั้มไหนของใครออกแล้วบ้าง
ถ้าเป็นคนเก่าคนแก่ที่เคยชอบอัลบั้มเดิมๆ กันมา ก็จะฟันธงซื้อทันที ดีไม่ดีค่อยมาพิสูจน์กัน
(ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรให้ซื้อ เพราะเขาแตกหน่อไปทำอัลบั้มเดี่ยวกันเป็นว่าเล่น)
(2) ถ้าไปที่ร้านขายซีดีแล้ว มีอัลบั้มไหนดูน่าสนใจ, น่าลอง, เคยได้ยินมาเลาๆ ว่ามันเจ๋ง
ก็จะหยิบมาเพ่งกสินอยู่แป๊บนึง ถ้าถูกชะตา (กับปก+กล่อง เนี่ยนะ?) ก็จะซื้อมาลองฟังเช่นกัน

แต่บางทีก็กลัวว่า จะมีอัลบั้มเด็ดๆ อัลบั้มไหนเล็ดรอดสายตา (และหู) ไปได้
เพราะไม่ค่อยมีใครฟังแนวเดียวกันและมาแนะนำกันได้บ้างเลย..

เอาล่ะ พิมพ์มาชักจะยาวเกินไปแล้ว ..แต่ก็ยังมีตั้งหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เล่า อีกยาวเลย
งั้นแถมอีกซักเรื่องก่อนจบตอนดีกว่า.. คือผมจะ (พยายาม) ไม่ให้ใครยืมเทป/ซีดี เด็ดขาด
เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทะนุถนอมเป็นพิเศษ มากกว่าสมบัติอย่างอื่น (เช่นหนังสือ)
คนที่ยืมไปมักจะไม่ถนอมเท่าเรา (ก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ถ้าเรายืมของคนอื่นมาก็เหมือนกัน..อิอิ)
แล้วยิ่งเทป/ซีดีเพลงไทยเนี่ย ถ้าเกิดเจ๊ง หรือหาย ขึ้นมา จะไปหาซื้อใหม่มันไม่ง่ายเลยนะ!
คนยืมไป (ทำเสียหรือหายโดยไม่ได้ตั้งใจ) ก็คงทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน เซ็งจิตทั้งสองฝ่าย
..ดังนั้นผมจึงถือคติว่า ไรท์แจกฟรีเท่าไหร่ไม่ว่าเลย แต่อย่ามาขอยืมได้ไหมฟระ!
อันนี้คนที่เข้าใจก็คงเข้าใจ คนไม่เข้าใจทำยังไงก็คงไม่เข้าใจ หรอกครับ (เออ..พูดอีกก็ถูกอีก)

เป็นอันว่า ขอจบตอนสำหรับวันนี้แต่เพียงเท่านี้เด้อ..
นวย 10/07/2007 18:34 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ