0426
บัตรแฟต 5 ว่ากันไป
แสดงทั้งหมด

ปัญหาหนังสือต่อตอบ: 1, อ่าน: 1150

ความเดิมตอนที่แล้ว

ช่วงพฤษภาคม ผมก็ได้จับพลัดจับผลูไปยื่นผลงาน Math E-Book เสนอกับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ด้วยความคิดว่าอยากจะรู้ผลงานพอใช้ได้ไหม และจะพิมพ์ขายทั่วไปไหวไหม การณ์กลับเป็นว่า ลุงรักหนูนะ หนูเป็นหลานเพื่อนลุง ลุงจะช่วยดันให้ดังกระฉูดไปเลย ขายดีและมีคนมาสมัครเรียนเยอะๆ จะได้รวย

ไอ้เรื่องคนมาเรียนเยอะหรือรวยอะไรเนี่ยมันอีกไกล ไม่ได้คิดถึงตรงนั้นหรอก ปัญหาในเบื้องแรกก็คือ สำนักเนี้ยทำหนังสือได้ไม่สวยที่สุดแล้ว อยากหนีกลับเจอล่ะว่าอย่างงั้น สำนักพิมพ์อะไรฟะไม่มีพนักงานเลยซักคน จ้างเป็นจ๊อบๆ อย่างเดียว ทั้งการพิมพ์ จัดหน้า ทำปก อะไรต่างๆ ... แต่เอาเถิด ในเมื่อเขาต้องการผลงานของเราไปขายตีตลาด O-NET A-NET เป็นเจ้าแรก เราก็เห็นดีเห็นงาม ในเมี่อดิ้นไปที่อื่นไม่ได้แล้วก็ต้องเลยตามเลย พลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยขอเขาจัดหน้าเอกสารเอง และคิดจะทำปกหนีบๆ ไปด้วย เผื่อเขาเกรงใจจะได้ใช้ปกของเรา (ถือคติว่า ถ้าจะเสนองานเราแทนงานคนอื่น จะต้องนำเสนอที่ข้อดีของงานเรา ไม่ใช่ไปจี้จุดด้อยของงานเขา ก็เลยไม่กล้าพูดหรอกว่าหนังสือคุณไม่สวยเอาซะเลยอ่ะ)

ผลสุดท้าย หลังจากเก็บตัวทำหนังสืออยู่ 2 เดือนเต็มๆ แทบไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับผู้คนเลย ผมก็เอาตัวอย่างปก หน้าใน คำชี้แจงต่างๆ ไปให้เขาดู หวังว่าเขาจะโอเคผ่านโดยง่ายดายเพราะเราก็ไม่ได้ทำเอาใจตัวเองซะทั้งหมด แต่มีเขียนอะไรเอาใจเขาด้วย และพยายามทำโครงร่างให้ออกมาใกล้เคียงกับรูปแบบเล่มอื่นๆ ทุกเล่มของสำนักนี้ที่สุด (แปลกนะ เป็นคนที่ยึดติดฟอร์มเดิมโคตรๆ ทุกเล่มทุกวิชาทำแบบเดียวกันหมด คิดแง่ดีมันคือเอกลักษณ์ แต่ถ้าคิดให้ดีๆ มันน่าเป็นเอกลักษณ์ยังไงกันฟระ สุดจะเชย..) เขาไม่อยู่จึงฝากงานไว้ ไม่กี่วันเขาก็โทรมาทวง และหลุดคำพูดออกมาว่า คงจะแก้ไขพวกคำโปรย หน้าปก ชื่อหนังสือ อะไรต่างๆ เหล่านี้ สรุปคือผมก็ไม่รู้เขาต้องการอะไรจึงสุดจะกังวล ถ้าในที่สุดปล่อยต้นฉบับไปถึงมือเขาอาจจะถูกแก้ไขแหลกได้ และถ้าเขาจะทำจริงๆ ก็ไม่มีแรงไปขัดเขาได้ ผมจึงกลุ้มว่าจะทำไงต่อไปดี..



ความล่าสุดในตอนนี้

1 ต.ค. ทางนั้นโทรมาตาม หลังจากผมเอางานไปวางไว้แล้วหายหน้าไปหลายวันเลย คำแรกผมถามว่า ได้อ่านหรือยัง ต้องแก้ไขอะไรตรงไหนบ้างไหม (ถามซ้ำตามเคย) แกบอกเอาแผ่นดิสก์มาเลย เดี๋ยวแกหาคนจัดการต่อเอง เฮ้ยได้ไงวะ ผมก็ไม่ยอมสิ แกก็ว่าจะเปลี่ยนหน้าสองหน้าแรกซะใหม่ อ้างคำว่ามาร์เก๊ตติ้งๆ คำนี้แกว่าแกเป็นฝ่ายทำอ่ะนะ แล้วก็พูดโน่นพูดนี่เรื่อยไป เช่นว่าจะแนะนำให้ผมเปิดสอนอะไรบ้าง เขียนหนังสืออะไรต่อบ้าง สุดท้ายก็ถามว่าจะเอางานมาส่งเมื่อไหร่.. ได้จังหวะที่ทนอึดอัดและปิดปากมานาน ตอบทันทีว่า ถ้าอาจารย์แก้เยอะผมขอเปลี่นใจไม่พิมพ์ขายแล้วดีกว่า และได้พูดไปจะๆ เลยว่า ต้องการให้ใช้ปกนอก ปกใน คำชี้แจง อะไรต่างๆ ของเราทั้งหมดด้วย แกก็กลับคำบอกว่า ไม่แก้หรอกๆ ผมไม่มีความรู้จะไปแก้ได้ยังไง (หมายถึงหน้าปก คำโปรย คำชี้แจงเฟร่ย ไม่ใช่เนื้อหาข้างในเล่ม!)

เล่นยืนยันว่าไม่แก้ๆ แต่ทำฟอร์มเข้าใจผิดเป็นเนื้อในเล่ม ไม่ยอมยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนปก แบบนี้ผมก็คิดหนัก เหมือนใกล้จะต้องปล่อยงานไปทุกทีๆ แม่- ทีแรกยังบอกว่าจะเอางานผมไปแก้ต่อเองอยู่เลย.. ฟังยังไงไอ้คำยืนยันนี่มันก็เป็นคำปลอบหลอกเด็กอมมือทั้งเพ..

3 ต.ค. วันนี้ว่างๆ เลยจัดแจงแก้ไขชื่อหนังสือบนหัวกระดาษทั้งหมด จากคณิตศาสตร์ ม.ปลาย เป็นคณิตศาสตร์ O-NET A-NET ตามที่เขาสั่ง ซึ่งอันนี้คิดไตร่ตรองแล้วมีเหตุผลยอมรับได้ ก็ยอมแก้ให้ .. จากนั้นไรท์ไฟล์ลงซีดี ทั้งเนื้อหาเป็น pdf (590 หน้า กว้างยาวเท่าหนังสือจริง) และไฟล์หน้าปกเป็น jpg (CMYK 400 dpi) ออกจากบ้านจะไปส่งสำนักพิมพ์ด้วยใจฮึกเหิมว่า วันนี้ยังไงก็จะขอพูดตรงๆ กันไปสักที ถ้าไม่ยอมใช้วัตถุดิบทุกอย่างของผมหรือถ้าจะแก้ไขเพิ่มเติมอะไรโดยไม่บอกกันล่วงหน้าดีๆ ผมจะไม่ยอมยื่นซีดีต้นฉบับให้เด็ดขาด..

เอาเข้าจริงไอ้กระผมก็พูดไม่ออกอีกเช่นเคย ทางนั้นดีใจมาก บอกว่าขอบคุณท่านที่ไว้ใจให้ที่นี่ดูแลผลงาน อะไรเงี้ย ที่คิดไว้ว่าจะพูดโผงผางกันไปเลยอด ไม่มีจังหวะให้พูดเลย เขาแย่งพูดตลอด ยังดีที่กล้าขอเบิกค่าใช้จ่ายหกพันบาทค่าพิมพ์เฉลยมาได้ (ซึ่งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมอยู่ดี) สุดท้ายกลับบ้านอย่างเครียด อึดอัด ทำไมตูต้องยอมตลอดเลยวะ ทำไมไม่กล้าพูดอย่างที่ต้องการไปตรงๆ ทีนี้กลายเป็นเขาได้งานผมไปไว้ในมือแล้ว ผมหมดสิทธิ์ต่อรองอะไรแล้วล่ะ (แล้วตลอดการสนทนาที่เขาเอาแต่พูดนั้น ไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องปก เรื่องคำชี้แจง อะไรเลย ทำให้ยิ่งกังวลหนักขึ้นไปอีกว่าจงใจหลอกตูแน่ๆ)

หนักกว่านั้นคือดันไปเออออรับงานใหม่มาทำอีกด้วย ทำเพื่อเงินเท่านั้นเลย คือให้เขียนเฉลยแบบฝึกหัดจากหนังสือเรียนของกระทรวงฯ ราวๆ 6 เล่ม ให้เงินเล่มละหมื่นบาท เขาโม้ว่า เขียนด้วยลายมือนี่แหละ ไม่ต้องลำบากพิมพ์ แล้วเมื่อไหร่ส่งปั๊บรับหมื่นบาทกลับทันที.. ไอ้ผมเห็นว่ามันก็ใช้เวลาแค่สองสามวันต่อเล่ม งานสบายอย่างงี้ก็เลยรับสิ กะว่าช่วงนี้ไม่มีสอนก็จะขอกดรวดเดียว 6 เล่ม 6 หมื่นซะ!

5 ต.ค. ปั่นเฉลย 2 วัน เสร็จ 2 เล่ม อย่างไม่น่าเชื่อ (อานุภาพเงินตัวเดียวนะนี่) เฉลยอย่างละเอียดพร้อมคัดเนื้อหาโดยสรุปมาประกอบครบครันตามที่เขาต้องการเป๊ะ (จะขาดก็แต่สูตรลัดที่สมองผมไม่รับรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เขียนไม่ได้) รีบบึ่งไปส่งที่สำนักพิมพ์ด่วนๆ ไปถึงห้าโมงเย็น

แกรับงานไปแล้วบอก ขอโทษที ยังจ่ายเลยไม่ได้ เพราะไม่ได้เตรียมเช็คไว้.. เฮ่ย แปลว่าอะไรวะนี่ ในเมื่อก็เห็นว่าแกมีเช็คอยู่ทุกวันอ่ะ จะว่าเช็คหมดก็แปลกๆ อยู่.. เอ้ากลายเป็นว่าตูรีบไปส่งเก้ออีกแล้ว ดีนะที่คิดว่าลองปั่นไปส่งแค่ 2 เล่มดูก่อน เผื่อต้องมีแก้หรือเกิดไม่รับขึ้นมาจะได้ไม่เซ็งมากขึ้น ปรากฏถูกคนแก่หลอกอีกแล้วตู.. นัดไปรับเช็ควันอังคาร สุดท้ายต้องกลับมานั่งเขียนเล่มต่อๆ ไปอีก โดยไม่รู้อนาคต แต่ก็หวังว่าวันอังคารจะไม่มีอะไรผิดคาดล่ะนะ เพราะกะความเร็วและบอกเขาไปแล้ว ว่าจะส่งให้ครบ 6 เล่มในวันอังคารไปเลยทีเดียวก็ละกัน (ไม่ชอบทำงานค้างคา)

12 ต.ค. เขียนเสร็จครบ 5 เล่ม (มารู้ว่าเล่มสุดท้ายในชุดยังไม่มีออกขาย) เลยกำหนดไป 1 วัน โทรถามที่สำนักฯ ว่าพร้อมจ่ายเช็ครึยัง (ฟะ) คำตอบก็เป็นไปในทางดี ว่ามาได้เลยๆ แต่ทว่า

ไปถึงยื่นงานอีก 3 เล่มส่งให้ แกก็ยื่นเช็คให้เรากลับ เป็นเช็คที่เขียนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว และไม่ธรรมดา.. มันล่วงหน้าไปสั่งจ่ายในวันที่ 20 ด้วย นั่นยังไม่สะใจ ในเช็คเขียนว่า 10,000 บาท ด้วย.. ตลกมาก! บอกว่าขออภัยไม่มีเงิน เมียเอาไปลงทุนแล้ว ยังไงให้มาทยอยรับเดือนละหมื่นก็แล้วกัน โอ้โห ฟังแล้วเครียดจับ (นึกในใจ ทำกูอีกแล้วมั้ยล่ะ..) นี่ทำธุรกิจกันนะเฟ่ย ไม่ใช่ส่งค่าเทอมเด็กนะเฟ่ย.. แล้วไม่ใช่ไม่รู้นะว่าจะมาส่งงาน 5 เล่มน่ะ แค่วันแรกก็ส่งไปแล้ว 2 เล่ม แล้วดันมีตังค์ให้แค่ 1 หมื่น เซ็ง!! พูดไม่ออก ได้แต่ยอมรับกรรม ไอ้ผมมันคงฝันไปเองว่าจะได้เงินก้อน เขาคงนึกว่าผมทำงานช้ามั้ง นี่คิดในแง่ดีปลอบใจตัวเอง

แกเห็นแล้วล่ะว่าผมเฟลแค่ไหน เลยบอกว่า อีกสองสัปดาห์คือปลายเดือนมารับไปเลย เช็ค 4 ใบ 4 หมื่น ดีไหม ไอ้ผมก็ไม่ทันคิดมาก ก็นึกว่าเช็ค 1 ใบคงลิมิตยอดเงินไว้ที่ 1 หมื่นมั้ง ถึงฟังดูแหม่งๆ ก็ยังดีใจกันไปตามเรื่อง กลับบ้านมาคุยกับแม่ตอนที่เอาเช็คหมื่นแรกให้แม่ไว้ใช้จ่าย (หลังวันที่ 20!) เลยรู้ว่า โดนหลอกอีกแน่ๆ เช็ค 4 ใบก็แปลว่า จะเบิกได้เดือนละใบ ชัวร์ๆ!.. เออว่ะ สงสัยจะเป็นอย่างงั้น เซ็งซ้ำซ้อน.. แล้วมันดีขึ้นตรงไหนวะรับทีเดียว 4 ใบ ประหยัดค่ารถเมล์เรอะ..

ให้งานใหม่มาอีกแล้ว จะให้สรุปเนื้อหาเป็นเล่มจิ๋วๆ ไว้พกพา 3 เล่ม (ม.4 และ 5 และ 6) จะมาให้ผมอีกเล่มละหมื่น สวนทันที หมื่นนึงไม่เอาแล้ว จะเอาเป็นเปอร์เซ็นต์ งานเก่าเขียนเฉลยนี่ส่งแล้วไม่ว่าอะไร แต่หลังจากนี้ไม่ยอมแล้ว.. (หลังจากได้คำนวณว่า ถ้ารับเป็นเปอร์เซ็นต์ จะได้ถึงเล่มละสองสามหมื่น ไอ้ที่เขียนเฉลยส่งไปแล้วเนี่ย) แกก็อึ้ง แต่พูดยอมรับแต่โดยดี ว่าเออก็ยุติธรรมดีนะ

แต่ผมยังไม่เริ่มลงมือทำหรอก เพราะคำถามที่ว่าหนังสือเล่มแรก (เล่มใหญ่) ที่ส่งไปเมื่อไหร่จะเสร็จมาขาย แกก็อ้ำอึ้งพูดเฉไฉไปมา ถามว่าเมื่อไหร่จะได้เงิน แกบอก โอ้ยยังไม่ต้องคิดตอนนี้หรอก ต้องพิมพ์มาวางขายแล้วอย่างน้อย 2 เดือนนู่น โอ้โห ตู๊ดตู๊ด ดิ.. (เซ็นเซอร์คำหยาบที่พูดในใจ) แล้วไม่บอกแต่แรกเล่า.. ยิ่งไปกว่านั้น ประโยคนี้คงจะแปลว่าไม่ได้เปอร์เซ็นต์จากยอดพิมพ์ด้วย แต่ได้จากยอดขาย และเอาเงินจากที่ขายได้นี่แหละ มาแบ่งให้.. (สำนักพิมพ์อะไรกันวะนี่) เวรกรรม ไอ้เงินหลักแสนที่พูดโม้ให้ดีใจนี่ภายในปีนี้จะได้ซักบาทรึเปล่าเหอะ

แล้วหนังสือไปถึงไหนแล้ว แกบอก รอตรวจปรู๊ฟอีก จะจ้างอาจารย์มหาลัยคนนึงมาตรวจ ถามผมว่าตรวจมาดีหรือยังถามตรงๆ ผมบอก ตรวจมา 8 รอบในเวลา 1 ปีอ่ะ (จริงๆ ไม่ได้ขำ) เรื่องคำผิดไม่มีแน่นอน รีบส่งโรงพิมพ์เห๊อะ วันก่อนเห็นเจ้าอื่นเขาออก O-NET A-NET มากินก่อนแล้วเนี่ย!

ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ลุงเป็นคนชอบพูดตรงๆ คุยกันแบบธุรกิจกันไปเลย (เวรกรรม! เนี่ยยะพูดตรงๆ ขี้หลอกโคตรๆ), เพื่อนคุณที่ฝากงานมาเสนอนี้ ไม่ได้เป็นคนดีทุกกระเบียดนิ้วใช่ไหม งั้นผมก็ไม่ให้ร่วมงานด้วย (เวรกรรม! เออถือว่าโชคดีของเพื่อนผมแล้วล่ะ ไปส่งสำนักอื่นเห๊อะ อย่ามาติดหล่มอย่างตูเลย), เอาชื่อน้องชายมาลงปกเป็นคนเขียนร่วมด้วยไหม จะได้ชื่อดังไปด้วยกัน เผื่อเปิดสอนอะไรได้บ้าง (เวรกรรม! น้องตูจบนิเทศเฟ่ย จะเป็นผู้สื่อข่าว แล้วอีกอย่าง ใครไปบอกแกวะว่าอีแค่มีชื่ออยู่บนปกแล้วจะดังได้เนี่ย..) แต่ละอย่างทำเอามึนตึ้บทั้งนั้น แต่จะว่าฮาก็ฮา เอาเป็นว่ารวบรัดตัดความข้ามมา 2 สัปดาห์เลยดีกว่า

26 ต.ค. ก็คือเมื่อวานนี้นี่เอง บังเอิญมีเวลาว่างๆ ช่วงบ่ายโดยไม่รู้มาก่อน เลยตัดสินใจว่าจะไปรับเช็คอีก 4 หมื่นล่ะ (ถ้าได้จริงๆ อ่ะนะ, ในใจตอนนี้ไม่เชื่อถือที่นี่แล้ว) โทรไปเพื่อได้รับคำตอบว่า ลุงเพิ่งกลับจากเวียดนาม ขอเวลาเตรียมเช็คหน่อย (เอาอีกแล้ว, เหตุผลที่ตูจำเป็นต้องฟังทั้งที่ไม่เห็นจะเกี่ยวกะตู) แต่ตอนนี้อยากให้ไปดูแบบปกที่จ้างคนดีไซน์ไว้เสร็จแล้ว (โอ้โห อย่างสำนักลุงนี่ถึงกับใช้คำว่า ดีไซน์ กันเลยนะ)

อะไรวะ ป่านนี้เพิ่งทำปกเสร็จเหรอวะ นี่ตูป่าวประกาศทั้งทางเว็บ ทางร้าน หมดแล้วว่าจะออกขายในเดือนตุลานี้ชัวร์ๆ หลังจากเลื่อนมาหลายทีจนคนเขาขี้เกียจจะรอแล้ว ก็ดูท่าจะไม่ทันอีกแล้วสิ ไอ้ตูก็ต้องผิดคำพูดอีกแล้วสิ ทำไมทำงานชักช้าอย่างนี้วะเนี่ย ส่งไปเกือบเดือนแล้วนะเพิ่งทำปกเสร็จ จะบ้าตาย!..

อ้าวแล้วตกลงนี่ยังไงก็จะไม่ใช่ปกตูใช่ไหม ได้ๆๆๆ แล้วไม่ต้องร่วมงานกันอีกต่อไปเลย ตอนที่เผลอส่งต้นฉบับไปก็คิดอยู่ว่ารอดูผลงานก่อน ถ้าออกมาดีก็จะไม่ว่าอะไร ถ้าออกมาแย่จะได้มีเหตุผลในการโบกมือลาที่นี่ไปซักที ดูแนวโน้มตอนนี้ก็คิดว่าคงจะได้ใช้เหตุผลนี้แล้วล่ะ.. (ไม่กล้าพูดซักทีว่า ทำไมไม่ใช้ปกผม เพราะถือว่าให้โอกาสเขาอยู่ งานอาจจะดีก็ได้)

ทีแรกตอบว่า งั้นไปดูปกวันรับเช็คละกัน (เผื่อเขาจะได้เร่งจ่ายเช็คให้ไวๆ) จะได้ไม่ต้องเดินทางหลายเที่ยว (ขึ้เกียจ) แกบอกขอวันจันทร์ ผมก็อ่ะตามนั้นตามนั้น แต่พอวางโทรศัพท์ไป.. ก็คิดได้.. โอ้โห! กว่าจะไปดูปกก็วันที่ 31 แล้ว แล้วจะออกขายกันเมื่อไหร่ แค่นี้ก็ไม่ทันคนเขาออกมาขายกันไปสองเจ้าแล้ว อีกอย่างคือ ถ้าไม่ใช้ปกเรา จะดูไปให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าสวยก็ดีไป ถ้าไม่สวยก็คงไม่มีใจจะขัดเขาแล้วล่ะ ดูก็ช้ำใจเปล่าๆ ก็ทำไปเหอะลุง ว่าไงว่ากันแล้ว.. ปลงชีวิต.. เลยโทรกลับไปบอกอีกทีว่าโอเคเลย ปกผ่าน ไม่ต้องรอผมไปดูหรอก รีบๆ พิมพ์ออกมาซะทีเถอะ..

สำนักพิมพ์เล่นตุกติกเรื่องจ่ายเงินแถมยังทำงานช้าไม่มีวี่แววว่าภายในปีนี้จะได้เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ช่วงนี้ไม่มีเด็กมาเรียนเลยเพราะนึกว่าจะเลิกทำร้านเลยเคลียร์เด็กเก่าจนจบหมด แต่จะขายร้านก็ถูกหุ้นส่วนยื้อไม่ให้ขายได้เพราะมันอยากทำต่อแลวมันก็มีเด็กเต็มอยู่คนเดียว เด็กเก่าที่เรียนค้างอยู่ยังไม่จ่ายเงินก็เชิดหนีไปเป็นเดือนแถมยังเคยของดเป็นว่าเล่นจนยืดเยื้อสอนหกเดือนยังไม่จบซะที ไอ้เด็กที่ติดตังค์ค่าเรียนหลายพันตั้งแต่ปีที่แล้วทวงแล้วทำท่าเหมือนจะให้แต่สุดท้ายเงียบหายเหมือนจะเชิดหนี ไม่มีเงินฝากเข้าบัญชีมาสองสามเดือนแล้วแถมยังถึงเวลาที่ต้องกดเงินจากในนั้นออกมาใช้กินใช้เที่ยวอีก ..โอย สารพัดปัญหาเรื่องเงิน เจอแบบนี้จนชินซะแล้ว คล้ายๆ จะปลงตก ไม่โกรธใคร ไม่เครียด เจออีกซักทีก็ไม่สะเทือนแล้ว เล่าให้ใครฟังเขายังเครียดแทนมากกว่าอีก

ชีวิตช่วงนี้มันสุดยอด! บ้าไปแล้ว!
นวย 27/10/2005 17:31 
เปิดมาอ่านดูอีกทีก็ฮาดีแฮะ..
นวย 27/04/2006 02:24  [ 1 ] 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ