0374
14/12/46 .. รวมข้อความจากเล่ม 04
แสดงทั้งหมด

15/12/46 .. รวมข้อความจากเล่ม 05ตอบ: 1, อ่าน: 1235

6  พ.ย. 41
วิฑูรย์บอกซี้ดว่า ถ้าผู้หญิงไม่คิดอะไรอ่ะนะคงไม่หนีหรอก
ที่หนีแสดงว่าเค้าอาย
อ้าว! เราว่าเค้าหนีเพราะกลัวเห็นหน้าเราแล้วอ้วกตะหาก
ตกลงอะไรกันแน่
วิฑูรย์บอกเดี๋ยวจันทร์นี้รู้ผลแน่ว่าอายหรืออ้วก.. จะจัดการให้..

9 พ.ย. 41
พี่ พี่.. เมื่อเช้าตอนพี่ออกไปรับรางวัล เพื่อนเค้ากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลย
บอกว่านั่นพี่คณิตนี่หน่า เสียดายเค้าน่าจะอยู่ด้วยนะพี่..
เราตอบไปเสียงดังว่า ก็เค้ารู้อ่ะดี้ เค้าเลยตั้งใจมาสาย ไม่งั้นได้คุยแล้ว
และขณะนั้นเราก็หันไปเห็นลิฟต์ฝั่งตรงข้ามเปิดอ้าอยู่
แล้วน้องก็เดินออกมาคนแรกเลย คงได้ยินชัดเจนหมด
ถึงกับเดินก้มหน้าเลี่ยงไปกะไม่ให้เห็น
ไอ้เราก็หนีลงลิฟต์อีกตัวเหมือนกัน.. ตกใจอยู่..

11 พ.ย. 41
ตั้งแต่วานนี้ถูกฉัตรชัย หนุ่ย ซี้ด ยุให้ลองอ่านการ์ตูน ไอ-ส์ (I''s) ดู
พอดีซี้ดเอาเล่ม 1-2 มาให้ยืม ปรากฏว่าบอยมันมีตั้งหกเล่มตั้งนานแล้ว
คงอุบอิบไว้ไม่กล้าเอาให้เราอ่าน เพราะมันมีภาพค่อนข้างโป๊ๆ อยู่บ้าง
ฉัตรชัยว่าเรื่องนี้น่าจะตรงกับชีวิตเรานะ เราก็อ่านดู เออคล้ายๆ นะ
ชักสับสนตัวเองแล้ว..

12 พ.ย. 41
เที่ยงวันนี้เดินไปดูกีฬาสีที่โรงเรียนข้างเคียง.. รู้สึกอึดอัด
ประหลาดใจว่าทำไมเชียร์ลีดเดอร์ต้องแข่งขนกันมาแต่งเสียเต็มที่
ท่าเต้นก็มีอยู่ไม่กี่ท่าซ้ำไปซ้ำมาทุกสี ทุกปี ทุกโรงเรียนทั่วไทย..
คือทำมือแผ่ๆ เป็นกีบคล้ายตีนเป็ด แล้วแกว่งหรือชู หมุนไปหมุนมา
ตวัดๆ ซักพักพอจบเพลงก็เอาตีนเป็นมาซ่อนไว้ข้างหลัง
เพลงเชียร์ก็ซ้ำๆ ไอ้เพลงที่เอาของคนอื่นมาร้องก็ตะโกนแหกปากซะเสียหมด
ถ้าร้องดีๆ คงได้รางวัลไปแล้ว..
โรงเรียนเราถ้ากีฬาสีก็คงไม่พ้นเพลงโรงเรียนท่อนแรก
ร้องแบบสุดชีวิตไม่สนโน้ต.. เอาดังเข้าว่า..
(ยังสงสัยอยู่ว่า เสียงดังแสดงพลัง หรือ พร้อมเพรียงแสดงพลัง กันแน่)

13 พ.ย. 41
หายไป ร.ด. กันหมด คนไม่ไปก็กลับบ้านกันทั้งนั้น
เราก็หาเพื่อนอยู่ไม่ได้ เลยไปห้องสมุด
อาจารย์จิตต์ตราทักว่า ไม่มีที่ไปล่ะสิ
ใครไล่มาล่ะวันนี้ถึงโผล่มา
โห! ตรงเผง.. ไม่รู้จะไปไหนแล้วจริงๆ
ไม่แน่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ว่างมาด้วย
ขุดหนังสืออยู่พักนึงก็ออกมาไม่ได้ลาอาจารย์
หลุดหลิดกับไอ้พวกเด็กที่อาจารย์บังคับให้มาจัดหนังสือ
เจี๊ยวจ๊าวกันลั่นห้อง
เดินลงมาข้างล่าง บรรยากาศโรงเรียนโคตรเงียบเหงาเลยว่ะ..
เด็กๆ เข้าเรียนกันหมด ไม่เหลือใครอยู่
เหลือบเห็นกลุ่มน้อง ม.5 นั่งอยู่ตึกแปดก็ไม่กล้าเงยหน้ามอง
กลัวเจอน้องเข้า..
กลัวว่าจะโดนอาถรรพ์วันเกิดเล่นอะไรเข้า..

18 พ.ย. 41
..ที่สำคัญคือไม่ค่อยชอบความคิดของเขา
ที่ให้ลูกสาวทั้งหลายสอบเทียบรีบเอ็นท์รีบจบ แต่ช่างเค้าเหอะ..
ยังดีที่เราไม่ต้องสอบเทียบ
เราว่าการที่เรียนมัธยมอยู่แล้วไปสอบเทียบ เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าที่สุด
ถ้าจะเอาอย่างนั้นกันจริงๆ ก็ปรับให้มีแค่ ม.1 - ม.5 พอเลย
ในเมื่อจัดหลักสูตร 6 ปี พ่อแม่กลับจะยุให้เอา 5 ปี
นี่ถ้ามหาลัยมีเทียบได้ก็คงเทียบไปนานแล้ว แบบว่าปีเดียวจบเลยงั้น..
จบมาอายุ 18 ปีได้ ก็คงต้องตกงานอีก 5 ปี ไม่มีใครรับ.. วัยวุฒิไม่น่าเชื่อถือ..

เมื่อวานผลเอ็นท์ออกแล้ว ม้าถามว่าถ้าเอ็นท์ติดวิศวะจุฬาฯ
จะเอาอะไรเป็นของขวัญที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์
ป่านนี้ม้ายังพูดว่าคอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีก
แล้วมาบอกให้เรียนวิศวะคอมเพราะจะรวย อีกหน่อยจะเป็นที่ต้องการ
พูดขัดกับตัวเองนี่หว่า..
เหมือนกับบอกว่า เฮ้ยเอ็งน่าจะเรียนทำขนมขายนะ
แต่ไม่ต้องซื้อหรอกเตาอบน่ะ จะอบยืมข้างบ้านเอาก็ได้..
.. บอกม้าว่าไม่เอาหรอกรางวัลน่ะ ถึงจะติดที่ไหนก็ตามเถอะ
ไม่เอาอะไรซักอย่าง ขอแลกกับที่ไม่บังคับให้สอบเทียบรีบแก่ก็พอแล้ว
ม้าก็โอเคยอมรับแค่ปาก ใจยังนึกอยู่ว่าโง่ที่ไม่สอบเทียบ
และยังไม่เห็นประโยชน์ว่าอยู่ต่อ ม.6 ดีตรงไหน

ยังไม่รู้ตัวเลยว่าชอบวิศวะจริงหรือ
เปล่าเลย ไม่เคยคิดจะเป็นวิศวกรเลยซักครั้งในชีวิต
แต่ทำไงได้ ก็เรียนมาจนป่านนี้แล้วคงต้องเลยตามเลย
ได้แต่บอกม้าบ่อยๆ ว่าให้ทำใจว่าจบมาแล้วอาจจะไม่เป็นวิศวกรก็ได้
แต่ดูท่าม้าก็ไม่ได้หวังอาชีพอะไรนักหนา ขอแค่ลูกฉันอยู่จุฬาก็พอแล้ว..
ปากพูดว่าเข้าที่ไหนก็ได้ ดีใจทั้งนั้น
แต่ในใจยังแบ่งเป็นจุฬาดีใจ 100, ถ้าลาดกระบังดีใจ 70 และเสียดาย 30
อะไรยังงี้อยู่..

25 พ.ย. 41
อาจารย์สาวสอนคอมคนใหม่ ถึงจะพยายามโหดเท่าไหร่ก็โหดไม่ขึ้น
เมื่อเจอห้องเรา คราวนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นกันเองกับนักเรียนไปซะแล้ว
วันนี้ยกกาแฟกับขนมปังมาเลี้ยงอีกที
เป็นของที่โรงเรียนจัดไว้ประจำห้องพักอาจารย์

พอๆ กับนิสิตที่มาฝึกสอนแฮนด์บอล อัดอั้นมาก
สอนห้องอื่นแล้วไม่ได้เล่น ถึงคาบห้องเราก็เลยโดดลงมาเล่นด้วยเฉย..
เพราะห้องเรามีแต่พวกบ้าพลัง หน้าห่ามๆ ในสนาม
ไม่มีหญิงเลยห้องนี้ ชายล้วนครั้งแรกในประวัติศาสตร์โรงเรียน..

ก็บอกแล้วว่า 863 กลายเป็นห้องที่ดังที่สุดในโรงเรียน
มีทั้งดีเลวปนกันในอัตราส่วนพอเหมาะ เรียนๆ เล่นๆ สบายๆ
ประมาณว่าผูกพันกันซะแล้ว
ถ้าเอาไปทำหนังคงกระชากอารมณ์คนดูได้ในตอนจบ ที่ต้องแยกจากกัน

27 พ.ย. 41
พี่เต้แอบกระซิบบอกเราว่า ท่าทางไอ้ยศจะชอบน้องเค้าว่ะ
ส่วนไอ้ยศบอกสงสัยเหลียงจะชอบน้อง เพราะคุยกันบ่อยๆ เอ้า!
แต่วันก่อนเหลียงบอกว่า สมชาย (ญ.) เค้าชอบพี่นะ
พี่เต้กลับบอกว่า น้องต้อง ต่างหากชอบเรา ให้ไปคุยบ่อยๆ
เราเองกลับคิดว่าเหลียงกับต้องเป็นแฟนกัน
ที่แน่ๆ ยังไงๆ น้องแก้วหัวเหน่งชอบไอ้ยศ 100%
โอ้ย! ซับซ้อนยังกะห่วงโซ่อาหาร..

รู้แต่เราเลิกติดใจน้องเค้าตั้งนานแล้ว
ช่วงนี้กลับมาสนใจก็เพราะหนีอยู่นั่นแหละ
ตกลงไม่รู้เพราะไม่ชอบเราหรือว่าอะไรกัน..
สนุกดีการสังเกตพฤติกรรมคนนู้นคนนี้ ถือว่าเอาประสบการณ์

3 ธ.ค. 41
ท่านประธานบอกว่า ไอเดียเราเรื่องการแสดงในงานปีใหม่น่ะ
เค้าไม่เอากัน เค้าให้เต้นอย่างเดียว.. บังคับเต้น..
เราถาม เค้านี่ใคร..
เธอบอก พวกกลุ่มเต้น..
เอ้า ตูล่ะเซ็ง!

20 ธ.ค. 41
เอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ กับคำขวัญ มิตรภาพไร้พรมแดน
ก็ได้ผ่านพิธีปิดไปแล้ววันนี้ ด้วย 24 เหรียญทองของไทย
... วันหยุดยาวก็ทำให้ได้ไปขลุกทำอัลบั้มกันที่บ้านกิจจาซ
ผ่านพ้นไปแล้วเหมือนกัน ด้วย 8 เพลงเวอร์ชั่นเต็ม
กับเวอร์ชั่นแถมอีก 4-5 เพลง.. ครบอัลบั้ม..

23 ธ.ค. 41
ก่อนไปจุฬาฯ แวะเอาของเก็บห้องอาจารย์ภัทรา
อาจารย์นั่งอยู่กับศิษย์ประจำชั้น ม.5 ห้าหกคนชายหญิง
น้องคนนึงก็ชวนอาจารย์คุยเรื่องเราชอบเพื่อนมัน
อาจารย์บอก ถามจริงเถอะชอบหรือเปล่า
ถ้าจริงเดี๋ยวครูเชียร์เต็มที่เลย..
เราก็อึกอักๆ มึนๆ ไอ่น้องเมย์ก็นั่งรออยู่หน้าห้อง
ตอบไปว่าไม่ชอบ..

น้องเมย์นอกจากเป่าคลาริเน็ตในวงดุริยางค์แล้ว
ยังเล่นไวโอลินที่จุฬาฯ ด้วย.. ชวนเราไปดูเธอแสดงวันที่ 22 มกรา
พอดีเราติดธุระไปเที่ยวเขาชนไก่เล็กน้อย เลยขอฝากกำลังใจแทน..

25 ธ.ค. 41
(1) แอบเข้าไปสอดแนมห้องอื่นเรียนเคมีกัน
พบว่าคนอื่นเขาก็เรียนกันน่ารัก ไม่เหมือนห้องเราเล้ย..
อาจารย์ก็ออกลวดลายสุดฤทธิ์
เด็กมีแซวอาจารย์ด้วย
อาจารย์ถามไม่มีใครตอบได้
พออาจารย์เฉลย มันตบมือกันเกรียวกราว.. ฮาว่ะ.. คิดได้ไง..
น่ามาเรียนด้วยจริงๆ

(2) คำคมหน้ารถตู้
.. ยังเหนื่อยไม่พอ ยังท้อไม่ได้ ..

30 ธ.ค. 41
นี่คือคำถามที่เราเคยคิดไว้ว่า
ถ้ารู้จักใครครั้งแรกจะถามเพื่อทำความเข้าใจกันเลย
ก่อนจะมารู้เองทีหลัง แล้วจะเสียดาย..
(1) คิดว่าตัวเองเป็นคนยังไง ข้อดีข้อเสียน่ะ
(2) คิดว่าอะไรเป็นจุดเด่นของตัวเอง ที่ทำให้คนยังคบอยู่
(3) เกลียดคนแบบไหนมากที่สุด
(4) เห็นเราครั้งแรกคิดว่าเป็นคนยังไง
(5) มีอะไรจะถามเราไหม..

1 ม.ค. 42
(1) แปลกดี.. ลุงเริญไอศกรีม เจ้านั้นที่ไปเจอที่แหลมสมิหลาน่ะ
วันนี้แกได้ออกข่าวช่อง 5 ตอนเย็น ช่วงเศรษฐกิจพอเพียงด้วย
พูดว่าอาชีพนี้ขายง่าย อิสระ และกำไรดี.. ทุนวันละ 300 เอง
แถมคุยว่าของลุงนี่อร่อยที่สุดในสงขลาจนเป็นที่ร่ำลือกัน
ไม่เห็นพูดเรื่องโปรโมชั่นการใบ้หวยเลย.. แหะๆ..

(2) เมื่ออาทิตย์ก่อน นสพ.มติชน คอลัมน์ดนตรี
เขียนถึงเรื่องที่ค่ายเพลงยอมรับว่าเอาเงินจ้างลงคอลัมน์
ทั้งเดลินิวส์ ไทยรัฐ ที่ซีกซ้ายๆ เขียนเชียร์แกรมมี่อาร์เอสนั่นแหละ
ที่จริงจ่ายวันละ 6 หมื่นบาท แล้วทางค่ายก็เขียนมาลงพิมพ์ได้เลย..
มิน่าถึงเชียร์กันสุดฤทธิ์ แถมด่าค่ายอื่นอีก
แต่ทำไมไม่พิมพ์ตัวเล็กๆ กำกับว่าพื้นที่โฆษณาล่ะฟะ..
ปล่อยให้เราหลงเชื่อว่าคนเขียนมีตัวตนอยู่ตั้งนาน

6 ม.ค. 42
คำคมจากโฆษณาท้ายรถตุ๊กตุ๊ก
..ได้-เสีย ไม่สำคัญเท่ากล้า..
คำคมจากหนังว้อทดรีมเมย์คัมส์
..บางครั้งเมื่อคุณเสีย คุณได้..

7 ม.ค. 42
มีคนเคยบอกว่า ชีวิตเหมือนเล่นดนตรี
ตึงไปก็ขาด หย่อนไปก็ไม่เพราะ..
แต่เราว่า เขาไม่ได้ห้ามให้ปรับชีวิตตึงหย่อนบ้าง
บางทีตึงอีกนิด หรือหย่อนอีกหน่อย อาจจะได้คีย์ที่ร้องง่ายขึ้นก็ได้
.. คีย์ใครคีย์มัน
ถ้าคีย์เดียวกันจะมันอะไร..

คำคมจากหนังสือ กัมพ์พิสซึ่ม (รวมคำของฟอร์เรส กัมพ์)
(1) ถ้าคุณไม่รู้ว่ากำลังจะไปไหน คุณอาจจะไปไม่ถึง
(2) โอกาสที่คุณจะถูกลอตเตอรี่จะมากขึ้นเยอะ ถ้าคุณซื้อซักใบ
(3) ถ้าคุณร้องเพลงให้เพราะไม่ได้ ก็จงร้องดังๆ

9 ม.ค. 42
ไปงานแต่งงานที่นครปฐม
เป็นงานเล็กๆ ที่มีวงอิเล็กโทนเล่นเพลงลูกทุ่งบนเวที
ดนตรีเล่นได้เจ๋งมาก กลองเหมือนโคตรๆ..
ที่ขำคือ นักร้องชายมีคนเดียว แต่ใช้วิธีเปลี่ยนชุดหลอกคนดู..
เช่นเดี๋ยวใส่เสื้อแจ๊คเก็ตบ้าง ถอดบ้าง
บางทีใส่หมวก.. บางทีก็เอาเสื้อออกนอกกางเกง.. แน๊ะ.. มีงี้ด้วย

คำคมจากหนังสือ กัมพ์พิสซึ่ม (รวมคำของฟอร์เรส กัมพ์)
(1) ถ้าคุณปวดฉี่ อย่ามัวพูดถึงมัน จัดการเลยก่อนจะสาย
(2) ถ้าคุณกำลังนำหน้าอยู่ หุบปากและอยู่ตรงนั้นไป
(3) ถ้ามีใครกำลังก้มเลียก้นคุณ เขาก็อาจกัดคุณได้ง่ายๆ เช่นกัน
(4) จงพยายามเป็นคนที่มองย้อนไปแล้วพูดได้เสมอว่า
อย่างน้อยเราก็ไม่ได้มีชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ..

12 ม.ค. 42
คำคมจากหนังสือ เหยียบโลกเล่นไม่เห็นช้ำ (เพลงดาบฯ)
(1) อย่าเพิ่งแน่ใจว่าโลกนั้นกว้าง หากยังไม่ได้พบด้วยตัวเอง
(2) เพื่อเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เราต้องเดินทางลำพัง

21 ม.ค. 42
สุภาษิตต่างชาติ
..โลกเป็นของผู้ชาย ไม่สำคัญ เพราะบ้านเป็นของผู้หญิง..

22 ม.ค. 42
โรคจิตอีกอย่างของไอ้ป้อมคือ ซื้อของมาสองเท่าแล้วกินอันละครึ่ง
จากนั้นโยนทั้งให้คนอื่นเก็บ..
มีคนบอกว่า มันจะใช้หลอดดูดนมแค่ส่วนกลางของขวด
เพราะบนสุดกับล่างสุดมันสกปรก
ดูมัน บ้าป่าววะ...
ของกินของมันถ้าใครมาขอแบ่ง มันจะให้ไปหมดเลย
คือเลิกกินแล้วไปซื้อใหม่
หรือถ้าซื้อลูกอมมาแท่งนึง มันจะแจกคนอื่นตรงหัวกับท้ายหลอด
ตรงกลางแกะเก็บไว้กินเอง..

เคยถามมันว่าทำไมพอมีคนมาโดนตัวแก แล้วต้องแตะกลับวะ
ทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะหน่อย
มันบอก เพื่อความสบายใจน่า อย่าคิดมาก..
แต่ดูท่าทางมันไม่ได้คิดงั้นนี่หว่า..

23 ม.ค. 42
วันที่สองของการฝึกที่เขาชนไก่
วันนี้เราต้องบุกป่า 5 กิโล ไปยังสถานีฝึกที่สอง
ความน่ากลัวของการเดินทางไกลอยู่ที่อาการท้อ
เมื่อไม่รู้ว่าต้องเดินไปอีกไกลซักเท่าไรกันแน่..
แถมยังมืดจนมองทางไม่เห็น ไหนจะต้องแบกเป้กับปืนอีก
.. เมื่อคิดได้ว่ามาฝึกทหารนะ ไม่ได้มาปิคนิค
ก็เริ่มทำใจให้สนุกไปกับมันได้ รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย..

24 ม.ค. 42
พอสถานการณ์เค้าจบ ครูฝึกก็พาเดินกลับทางลัด
แดดมันร้อน หิวน้ำ ครูแวะพักให้เติมน้ำกันกลางทาง
บอกว่าอุณหภูมิที่นี่ตอนเที่ยง กลางแจ้งจะสูงถึง 45 องศา
ส่วนกลางคืนอยู่ที่ 19 องศา เท่ากับเปิดแอร์นอน
แต่แอร์ที่นี่หรี่ไม่ได้..

..ถึงกองพัน ทุกคนเพลีย เหนื่อย หิวน้ำ
ไม่มีใครฟังคำสั่งครู จนครูต้องปรามว่า
อย่าเอาความเหนื่อยความหิว มาเป็นอารมณ์
ใช่ ประโยคนี้ทำให้เราคิดได้จริงๆ เลยฮึดต่ออีกนิด..

2 ก.พ. 42
หลายคนบอกว่าเทอมนี้เราได้เกรด 4 ล้วนๆ
ไม่เสียแรงเพียรพยายามทิ้งทวน.. ม.6 เทอมสุดท้าย..
เทอมนี้ขยันอ่านหนังสือมากๆ อ่านหนักกว่าตอนเอ็นท์อีก
วิชาสังคมที่ไม่ชอบเลย ก็ยังทุ่มเวลาอ่านเป็นวันๆ
เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า.. ความอดทนนั้นขม แต่ผลของมันหวาน..

4 มี.ค. 42
ถามว่าคิดยังไง ตอบมาตรงๆ..
บอกว่าเราเป็นเพื่อนชายที่สนิทที่สุด รักมาก ไม่อยากเสียไป
ถึงขนาดเคยพูดกับแฟนว่า ถ้าเค้าจะขอให้เลิกคบกับเรา
ก็จะเลิกกะเค้าเลยทันที..
.. เราฟังแล้วน้ำตาซึม

5 มี.ค. 42
เที่ยงครึ่งกว่าๆ เค้าเรียกเข้าห้องประชุม ปัจฉิมนิเทศ ม.6
อากาศร้อนมาก อาจารย์ให้ขึ้นไปยกพัดลมลงมา ยกเสร้จขอไปล้างมือ
ล้างเสร็จไม่รู้จะวิ่งทำไม สะดุดสายพัดลมหกล้มทั้งตัว พัดลมก็ล้มโครม
ใบพัดหักเลย.. ไม่รู้ใครวางพัดลมซะสายตึงขนาดนั้น

เราก็ลุกขึ้นมา ไม่ค่อยอาย รีบไปถอดปลั๊กก่อน
คนก็มองกันเต็ม อาจารย์คนนึงเข้ามาดู ถามว่าเป็นไรป่าว..
เราก็เสียบปลั๊กมือสั่น หัวเข้ามันถลอก เลือดซิบ
แต่ยิ้มว่าไม่เป็นไรๆ.. เหลือบเห็นรอยเลือดบนเสื้อ เฮ่ย มาจากไหนวะ
มองหาก็เจอนิ้วกลางมือขวาเลือดท่วมแล้ว
อาจารย์บอก รีบไปห้องพยาบาลเลย ไม่ต้องมายิ้ม..

ล้างแผลตั้งนานเลือดถึงหยุด มาดูเป็นรอยบาดลึก
สงสัยโดนพัดลมตัด
ต้องขอบคุณอาจารย์ห้องพยาบาลช่วยทำแผลให้
ปัจฉิมนิเทศ ทำพัดลมเจ๊ง 1 ตัวฝากไว้ทิ้งท้าย..

จบงาน มันน่าตื้นตันที่อาจารย์แทบทุกคนจำเราได้
และอวยพรให้เจอแต่สิ่งดีๆ งามๆ..
ถึงจะไม่ซึ้งใจแบบน้ำตาไหลพราก แต่ก็ประทับใจ
กว่าจะกลับบ้านก็ยืนเซ็นเสื้อกันจนเกือบ 6 โมงเย็น
หันกลับมามองโรงเรียนอีกทีเป็นครั้งสุดท้าย
..ไม่เศร้า.. เลยเลิกมอง
ทำไมปีนี้ชมพูพันธุ์ทิพย์ไม่ยอมร่วงวะ
หายโรแมนติคไปเยอะเลย..

14 มี.ค. 42
ตื่นมาค่อยดีขึ้น ได้ยาเข้าไปหลาย แต่ว่าคงไปสอบเอ็นท์ไม่ไหว
ขอโดดพื้นฐานวิศวะซักวิชานึง..
ขืนไปล่ะโดนรถทับตายแน่ หรือไม่ก็อ้วกในห้องสอบ
เอาศูนย์มาดูเล่นๆ วิชานึงไม่ว่า..

15 มี.ค. 42
มีคนเคยบอกไว้ว่า บางทีความทุกข์กับความสุขมันมาคู่กัน
เพียงแค่เรารู้จักอดทน ให้ผ่านช่วงเวลาที่ทุกข์ที่สุดไปให้ได้ก็พอ..

ซื้อไอติมที่โรงเรียน เจ๊แกก็แซวว่าเด็กหน้าใหม่นี่
เราบอก มาสอบเข้า ม.1 ที่นี่ฮะ ฝากตัวด้วยฮะ..
จะซื้อน้ำ พี่ที่ตักอาหารถาดประจำคุ้นเคยกันก็แอบให้มาฟรี
แถมชวนกลับมากินข้าวที่โรงเรียนอีก จะแอบเก็บช้อนไว้ให้..
พอเดินไปสยาม ผ่านโรงอาหารทันตะ
ป้าขายน้ำก็ยิ้มทักทายมาแต่ไกล
วันก่อนซื้อแล้วจะขอใส่นมเยอะๆ ป้าแซวว่า
เดี๋ยวเอานมตบหัวมันซะเลยดีมั้ย..

ถ้าโลกไม่ยิ้มให้เรา เราก็เริ่มยิ้มให้โลกก่อน
เดี๋ยวโลกมันก็ยิ้มมาเอง..
(ประโยคจากหนังสือ กระจกฝ้า ศาลาคนสู้ เขียนโดยนิติพงษ์ ห่อนาค)

16 มี.ค. 42
(1) ของเหล่านี้ก็เหมือนสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่..
อายุขัยทามาก๊อตจิ 1 ปีก็ตายจากไป
อายุขัยตู้สติ๊กเกอร์ เราว่า 3 ปีน่าจะเอาอยู่..

(2) หัวใจที่เต้นตุบๆ ธรรมดาๆ ดวงหนึ่ง
จะปีติที่สุด เมื่อมันได้เต้นเพื่อผู้อื่น..
(ประโยคจากหนังสือ เอนหลังอ่าน เขียนโดยเพลงดาบฯ)

15 เม.ย. 42
สงสัยมานานแล้ว.. คำเตือนข้างหลอดยาสีฟัน ว่า
เด็กต่ำกว่า 7 ขวบ ห้ามกินหรือกลืนยาสีฟัน น่ะ
หมายถึงว่าอายุ 8-9 ขวบ กลืนได้แล้วเหรอ
แบบว่าพออายุครบ 7 ขวบปั๊บดีใจ..
เย่ ต่อไปนี้เราจะกินยาสีฟันกันได้แล้ว..

3 มิ.ย. 42
บรรยากาศโรงเรียนวันนี้เปลี่ยนไปมาก
ร้านค้าเพิงสังกะสีสร้างใหม่เป็นซุ้มคอนกรีต
เปลี่ยนสัมปทานใหม่หมดทั้งโรงเรียน..
ร้านน้ำปั่น หมูปิ้ง ไอติมป้าบนตึกหายไปหมด กลายเป็นร้านใหม่
บนห้องเรียนก็ติดแอร์กันหมดทุกห้อง
ย้ายกระดานมาติดข้างๆ ดูแปลกๆ ยังไงอยู่..

16 ก.ค. 42
สัปดาห์ที่ 6 ของการเรียนเทอมแรกในคณะแล้ว
ยังรู้สึกเหมือนไม่ได้อะไรเพิ่มเลย
กิจกรรมช่วงเปิดเทอมก็หมดแล้ว คราวนี้เหลือแต่สอบล่ะ
ผ่านไปกี่อาทิตย์ๆ ไม่มีอะไรเข้าหัว ที่พอจะมีอยู่บ้างก็คือ
ฟิสิกส์ ม.ปลาย กับคณิตศาสตร์ ม.4 ที่กำลังสอนเด็กๆ อยู่นั่นแหละ
ซวยแน่มึง.. อีก 3 สัปดาห์ก็สอบมิดเทอมวิชาละ 50 คะแนนแล้ว..

วันนี้มีนัดติวกันเล็กๆ สำหรับกลุ่มเรา
ที่ใครซักคนตั้งชื่อให้เท่ๆ ว่ากรุ๊ปบีไมเนอร์.. ประมาณว่ารักดนตรี
ไว้สู้กับแก๊งพี่โอมที่ตั้งตนเป็นกรุ๊ป บี-ไบรท์
และสาวๆ ในกรุ๊ปที่เรียกตัวเองว่า บี-บิวตี้ฟูล..
อั้มแนะว่าให้ไปเปิดสำนักติวกันที่หอกลาง
ปรากฏว่า เกิดเหตุการณ์ระทึกใจ

กฎของการใช้ห้องคือทุกคนต้องฝากบัตรนิสิตไว้ที่เคาเตอร์
และ 1 ห้องนั่งได้ 4-6 คนเท่านั้น
ทีนี้พวกเราก็ทยอยกันเข้าๆๆ จนเป็น 8 คน..
(นี่น้อยแล้วนะ เพราะไม่มาหลายคน) .. ฝากบัตรไว้แค่ 5 ใบ
พอถึงเวลาเปลี่ยนคนคุม เจ๊อ้วนคนคุมคนใหม่ก็มาเปิดประตูถาม
ด้วยลีลาคล้ายอาจารย์ เวลาจับผิดนักเรียนได้จะๆ คาหนังคาเขา
ว่า ห้องนี้อนุญาตให้ใช้ได้กี่คนคะ
ไอ้เราก็ชักเคือง พวกเราทุกคนหยุดชะงัก กำลังนั่งทำข้อสอบกัน
เราตอบไม่ตรงคำถามว่า ขอพี่อีกคนแล้ว เขาให้อยู่ได้นี่ครับ
เจ๊สวนกลับ แล้วฝากบัตรไว้กี่คน
.. 5 คน
.. อ่านป้ายไม่ออกหรือไงว่าเขาให้ใช้ได้ 4-6 คนน่ะ
.. แต่ผมขอแล้วเค้าบอกไม่เป็นไร ก็เพราะเห็นป้ายนี่แหละถึงได้ไปขอ
.. ไม่ล่ะ ถึงถามอีกคนเขาก็บอกว่าไม่ให้อยู่ดี

อั้มเคือง บอกว่าเราออกไปก็ได้ พวกแกติวกันต่อไปเถอะ
แต่พวกเราทนเจ๊นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว
เจ๊พูดทิ้งท้ายไว้ว่า
..เค้าอนุญาต งั้นฉันเชิญพวกคุณออกไปเองก็ได้ ตอนนี้ออกไปได้แล้ว..
แล้วแกก็เดินไปเลย
พวกเรายัวะจัด ลุกไปเอาบัตรคืน
แล้วย้ายที่ไปติวกันใต้หอพักนิสิตจุฬาฯ ถึง 6 โมงเย็น
สบายใจกว่า

21 ก.ค. 42
เรียนเสร็จรีบบึ่งไปเอาเทปที่บ้านไวโรจน์ แล้วกลับมาถึง ร.ร. 4 โมง
แวะมาเพราะอาจารย์โทรไปตามหลายรอบแล้ว
ให้มาซ้อมรับรางวัลอะไรซักอย่าง
เจอเพื่อนหลายคน รวมทั้งนพพรด้วย
แล้วสักพักน้องเค้าก็มาซ้อมด้วย ปรากฏว่าเค้าสนิทกับนพพรจริงๆ แฮะ
แค่ไปตอบปัญหาชีวะกันมางานเดียวเมื่อปีที่แล้ว..
เฮ้อ.. เราไม่เรียนชีวะมั่งก็แล้วไป
แต่รู้สึกเธอจะแต่งตัวเว่อร์ไปหน่อยนะ
หลังจากเอ็นท์ไปเรียนหมออยู่รามาเนี่ย..
จากนี้คงไม่ได้เจอกันอีก จริงๆ แล้ว มั้ง
ชีวิตนี้คงไม่ได้คุยกัน ให้ตายสิ เป็นปีแล้วยังหลบอยู่นั่นแหละ..

9 ส.ค. 42
เพิ่งได้มารู้ว่า
เก่ง บอย และจ้ำ ล้วนเคยไปแข่งตอบปัญหาวิทย์มาแล้วทั้งนั้น
คนละโรงเรียนกันเลย..
งานเดียวกับที่เราได้ไปเจอน้องเค้าด้วย..
เพียงแต่เราน่ะตกรอบ ส่วนสามคนนี้ล้วนเข้ารอบไปแข่งกันที่สตรีวิทยา
ตอนนั้นคงไม่คิดว่าจะได้มารู้จักกันมั้ง..

11 ส.ค. 42
มีคนบอกว่ามีภาพเราลงในโบรชัวร์แอพพลายฟิสิกส์ด้วย
เราเลยไปหยิบมาดูเอง ปรากฏว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นใจ๊
เพื่อนร่วมกรุ๊ปที่ชื่อเดียวกับเรา.. เลขที่ติดกัน.. ต่างหาก
แถมด้วยรูปกล้า กับเบนซ์ ซึ่งได้ 95 คะแนนกันหมด
แล้วผลเป็นไงเขาคงไม่กล้าบอก
ว่าเบนซ์ถอนฟิสิกส์เป็นคนแรกของคณะ
ตั้งแต่คนอื่นๆ ยังไม่รู้จักความหมายคำว่า ถอน กันเลยด้วยซ้ำ..
อะไรมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ

20 ส.ค. 42
เดินมาถึงข้างล่าง หน้าห้องประชุมมีซุ้มก้มๆ มุดเข้าไป
จับมือเพื่อนเป็นแถวห้ามปล่อย ไปถึงในห้องประชุม
(ซึ่งไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าเพราะมืดสนิท) ..แล้วนั่งรอพวกมาครบ
รุ่นพี่ตามเข้ามาล้อมเต็มห้องโดยไม่มีใครรู้
ไฟเปิดมา ใบจามจุรีก็ปลิวเต็มห้อง.. เป็นภาพที่น่าประทับใจที่สุด..
นวย 22/12/2003 11:41 
อ๊ะ พี่นวยอ่านกระจกฝ้าฯ ด้วย  :)
Shauฯ 26/12/2003 16:54  [ 1 ] 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ