ต่อจากเมื่อวานนะครับ
6. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป งัดสงครามราคาสู้
ธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีอายุเก่าแก่กว่า 30 ปี มีเพียงสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ มาม่า ไวไว และยำยำ โดยมีมาม่า เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 59% จากมูลค่าตลาด 9,500 ล้านบาท
และในปี 2545 มีน้องใหม่เกิดขึ้นอีก 1 รายคือ บะหมี่โฟร์มี ของ
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ที่โดดเข้ามาร่วมวงในธุรกิจนี้ด้วย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี
ภาพการแข่งขันในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในปี 2546 นี้ เจ้าของสินค้ายังแข่งกันนำเสนอรสชาติใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด โดย มาม่า ประกาศออกมาว่า จะออกรสชาติใหม่ทุกๆ 6 เดือน พร้อมกับจะทุ่มเม็ดเงินโฆษณากว่า 470 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายในปีนี้
ส่วนไวไว เตรียมออกบะหมี่รสชาติยุโรปเพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้านยำยำและโฟร์มี ก็ประกาศจะออกรสชาติใหม่เช่นเดียวกัน
แต่เบื้องหลังของความสำเร็จของยอดขายกลับไม่ใช่การออกรสชาติใหม่ แต่กลายเป็นการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเป็นหัวหอกในการทำตลาด พร้อมประกาศลด แลก แจก แถม เพื่อกระตุ้นยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด ทำให้การแข่งขันในธุรกิจนี้ คนที่มีสายป่านยาวเท่านั้นที่อยู่ได้
7. แนวโน้มกล้องดิจิทัลสดใส
กล้องดิจิทัล เริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดถ่ายภาพของไทย เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2543 มียอดขายเพียง 2.7 หมื่นตัว แต่เพียง 2 ปีถัดมากลับมียอดขายสูงถึง 9 หมื่นตัวและในปี 2546 คาดว่าตลาดกล้องดิจิทัลยังสามารถเติบโตได้อีก 40% หรือมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 1.2 แสนตัว
การเติบโต มาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการทั้งในกลุ่มถ่ายภาพและอิเล็กทรอนิกส์ ที่หันมาแข่งขันในกล้องดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงการปรับตัวของร้านมินิแล็บทั่วไป ที่หันมาจำหน่ายกล้องดิจิทัลและการปรับสู่ระบบอัดภาพดิจิทัล
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น ในอนาคตมีการคาดการณ์ว่า จะมีผู้รอดในธุรกิจนี้เพียง 5 รายเท่านั้น ได้แก่ โซนี่ ฟูจิ แคนนอน นิคอน ส่วนแบรนด์ที่ 5 คงเป็นการแข่งกันระหว่างโอลิมปัสหรือมินอลต้า ซึ่งทั้ง 5 บริษัทที่อยู่รอด จะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันกว่า 80% จากตลาดรวมกล้องดิจิทัล
8. ชาเขียว ฟีเวอร์ ฮิตติดตลาด
หากมองถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คงมีหลายชนิด ที่มีสรรพคุณในการดื่มแตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่มาแรงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ คงจะเป็นชาเขียวพร้อมดื่มที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าสนใจ คือ จากเดิมที่ตลาดชาเขียวมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 5-6% เพิ่มเป็น 25% ในปีที่ผ่านมา และในปี 2546 คาดว่าเพิ่มเป็น 40% เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้น
และทำให้ตลาดรวมเครื่องดื่มชาเขียวในปีนี้ มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เทียบกับปี 2545 ที่มีเพียง 543 ล้านบาท โดยมียูนิฟ กรีนที ผู้นำตลาดเครื่องดื่มชาเขียว ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 45% ซึ่งล่าสุดได้ส่งแบรนด์ชาลีวัง วางตำแหน่งสินค้าในระดับบน
ทิปโก้ ที่เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้ 100% ก็ออกเครื่องดื่มชาเขียว ทิปโก้ กรีนที อีก 2 รสชาติ และโออิชิ ที่ทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ก็ทำเครื่องดื่มชาเขียวมาจำหน่ายในร้าน ก่อนขยายออกสู่ตลาดค้าปลีก โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3 ล้านขวดต่อเดือน
กระแสความต้องการของตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจึงชัดเจนขึ้น และในแต่ละปี มูลค่าตลาดของธุรกิจนี้ก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อีกหลายรายเล็งที่จะออกสินค้าประเภทเดียวกันนี้ตามมา
9. เครื่องดื่มอัดลม เร่งขยายตลาด
ในตลาดเครื่องดื่มอัดลมที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด คือ ตลาดน้ำดำที่มียักษ์ใหญ่ 2 ค่าย อย่างเป๊ปซี่และโค้ก โดยมีสัดส่วนถึง 53% จากมูลค่าตลาดรวมน้ำอัดลม 18,000 ล้านบาท
ภาพการแข่งขันในปีที่ผ่านมา เป๊ปซี่ ได้เปิดตัว เป๊ปซี่ ทวิสต์ ซึ่งเป็นรสชาติใหม่ของตลาดน้ำดำ ซึ่งในต่างประเทศให้การตอบรับที่ดีมาก และส่วนของโค้ก ก็พยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ แต่ไม่มีแคมเปญที่สร้างความหวือหวาให้กับตลาดมากนัก
ในปี 2545 ทั้ง 2 ค่ายไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของยอดขาย ทั้งปัจจัยที่มาจากน้ำท่วมใหญ่กว่า 52 จังหวัด ทำให้เกิดปัญหาการกระจายสินค้า จึงต้องดูว่าในปีนี้ ทั้งเป๊ปซี่และโค้ก จะใช้กลยุทธ์ใดเพื่อแก้เกมกระตุ้นยอดขายกลับคืนมา
10. รถยนต์ ขายสะบั้น
ปี 2545 การแข่งขันของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นทั้ง 2 ค่ายระหว่างฮอนด้ากับโตโยต้า มาร้อนแรงเอาก็ตอนช่วงปลายปี เมื่อทั้ง 2 ค่ายต่างเปิดตัวรถรุ่นใหม่ "ฮอนด้า ซิตี้" และ "โซลูน่า วีออส " ที่มีศักดิ์ศรีและราคาใกล้เคียงกัน ทำให้มียอดจองหลายพันคัน ในงานมหกรรมยานยนตร์ช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ความสำเร็จในยอดจอง มาจากราคาของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น มีราคาประมาณ 5-6 แสนบาทต้นๆ และลูกค้าก็ให้ความสนใจรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น ซึ่งการแข่งขันสูสีกันมาก
ส่วนปี 2546 คาดว่า ตลาดรถยนต์ยังเติบโตอีก 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีทั้งสิ้น 4.1 แสนคัน ซึ่งทั้งฮอนด้าและโตโยต้า ยังต้องต่อสู้กันอีกหลายยก และถือเป็นคู่แข่งตลอดกาลอีกคู่หนึ่ง
ทั้งหมดนี้คือ 10 สินค้าที่น่าจับตามองยิ่งในปี 2546
จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก วันที่ 2 มกราคม 2546
หน้า 11-12 เขียนโดย พิชิต เอี่ยมแสงจันทร์
นวย