ชักจะสนุกเข้าไปใหญ่แล้ว
ความเดิมตอนที่แล้ว เบอร์กเลย์บอกว่า
ไม่มีใครยืนยันได้หรอกว่าอะไรมีอยู่จริงในโลก
เพราะเราทุกคนล้วนรับมาแต่ข้อมูลทางประสาทสัมผัสเท่านั้น
เรารู้ว่าภาพโต๊ะน่ะมีจริง เสียงเคาะโต๊ะมีจริง ผิวสัมผัสของโต๊ะมีจริง
ถ้าให้ครบต้องบอกว่ากลิ่นโต๊ะ และรสชาติของโต๊ะก็มีจริง
แต่เราบอกไม่ได้ว่าโต๊ะตัวนั้นมันเป็นวัตถุที่มีอยู่จริงๆ
เพราะเราไม่ได้เอาโต๊ะทั้งตัวเข้าไปอยู่ในหัวเราด้วย..
ฉะนั้นโต๊ะอาจเป็นสิ่งของลวงที่ให้สัมผัสเหมือนจริงม้ากมากได้
และก็เลยพูดเผื่อไปหมดว่าทุกสิ่งในโลกเองก็อาจไม่มีอยู่จริง
ต่อมารัสเซลล์แย้งว่า จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก
เราไม่จำเป็นต้องมีสัมผัสก็สามารถบอกได้เช่นกันว่าอะไรมีอยู่
อย่างเช่นจักรพรรดิ์จีนนั่นปะไร
ถึงเราจะไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก แต่ก็บอกได้ว่ามีอยู่จริง
ทีนี้นักปรัชญาคนที่สามที่ผมจะแนะนำก็คือ Descartes
นายเดส์การ์ตส์คนนี้ก็เลยพยายามจะขบคิดให้ได้ว่า
แล้วอะไรบ้างที่เรายืนยันได้ว่ามีอยู่จริงๆ ในโลก
... ที่จริงใช้คำว่าในโลกก็ไม่ถูกด้วยซ้ำ
เพราะเรายังยืนยันไม่ได้ว่าโลกเรานี่มีอยู่จริงหรือเปล่า
ทุกสิ่งอาจเป็นเพียงภาพในจิตใครสักคน
อย่างในหนังเรื่องอะไรสักอย่าง
ที่จักรวาลที่แท้ดันอยู่ในกระดิ่งห้อยคอแมว นั่นก็น่าคิดแล้ว..
หลังจากคิดไปคิดมา.. ด้วยความที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง
และไม่เชื่อว่าอะไรก็ตามอยู่ในความคิดของพระเจ้า แบบเบอร์กเลย์
ฉะนั้น เดส์การ์ตส์ได้ข้อสรุปที่เท่มาก 1 อย่าง
เขาบอกว่า.. สิ่งจริงแท้แน่นอนและมีอยู่ชัวร์โดยไม่ต้องพิสูจน์ ก็คือ
จิตของเราเอง หรือคำว่า I (ไอ) ในภาษาอังกฤษ น่ะเอง..
แปลว่าอะไรครับ ก็หมายความว่า
ความเป็นตัวเราในหัว (ความนึกคิด) นั่นแหละที่มีอยู่ชัวร์
และเป็นเพียงอย่างเดียวด้วยที่ยืนยันได้ว่ามีอยู่จริง
คำว่าเรา หรือจิตเรา ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงร่างกายนะครับ
และก็ไม่ได้หมายถึงความเป็นคน หรืออะไรแบบนั้นด้วย
มันหมายถึงว่า สิ่งที่คิดเป็นเสียงในหัวอยู่ตอนนี้แหละ
จะหน้าตาเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมีจริง..
เราทุกคนยืนยันได้แค่ว่าตัวเรามีจริง มีสิ่งที่คิดได้นั้นอยู่จริงๆ..
และเราเรียกมันว่า จิต
ประโยคเด็ดของเดส์การ์ตส์ ก็คือ
I think, therefore, I exist.
ฉันคิด ดังนั้นฉันต้องมีอยู่จริง
สมมติว่าเราไม่เชื่ออะไรเลย
เราคิดเหมาเอาไว้ก่อนว่าโต๊ะ เก้าอี้ โลก ดวงจันทร์ ไม่มีจริง
เรามองว่าทุกสิ่งเป็นเพียงภาพหลอน
แต่แล้วอย่างน้อย ก็ต้องมีสิ่งๆ หนึ่งมาให้โดนหลอน
นั่นก็คือจิตเราที่มันลอยๆ อยู่ไหนสักแห่งนี่เอง..
นี่เป็นวิธีคิดของเดส์การ์ตส์ ซึ่งก็เห็นจะจริงอย่างเถียงไม่ได้..
ถ้าให้ผมสรุปเรื่องพวกนี้เอง
ผมว่าที่ทุกคนพูดก็มีเหตุผลน่าคิดทั้งนั้น
คนเรามีความสงสัยและก็พยายามแก้ข้อสงสัยโดยการขบคิด
ญาณวิทยาเป็นวิชาที่ขบคิดล้วนๆ.. ไม่มีการพิสูจน์เพราะทำไม่ได้
สุดท้ายความรู้ที่ได้มาก็แค่เพียงความคิด..
ประโยคที่เข้ากันมากกับสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดก็คือ
(ขอยืมมาจากภาพยนตร์ The X-Files ก็ละกัน)
The Truth is Out There.
ความจริงมันอยู่ข้างนอกนั่น.. ข้างนอกจิตน่ะ..
เรามีแต่จิต เราออกจากจิตไปก็ไม่ได้.. เราเอาวัตถุอะไรเข้ามาในจิตก็ไม่ได้
ทำได้ก็แค่นั่งขบคิดเล่นๆ พอสนุก..
สงสัยอยู่ว่านักปรัชญาเค้าคิดกันหนักขนาดนั้นทำไมหนอ..
นวย