ผมเคยเล่าแล้วครั้งหนึ่งว่า
พอผมบอกเพื่อนคนหนึ่งว่าจบมาตูไม่เป็นวิศวกรนะ
ผมกลับโดนด่าเสียยกใหญ่ หาว่าดูถูกวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา
ไม่สำนึกบุญคุณชาวนา กรรมกร ที่เสียภาษีส่งเราเรียน.. ว่าไปนั่น..
แล้วก็เช่นกัน ..พอผมเปรยๆ กับพ่อแม่ว่าอยากเปิดร้านขายของ
ก็ถูกว่าว่าแล้วจะเรียนจบวิศวะไปทำไมอย่างงี้..
... ผมไม่ได้อึ้งกับคำถามเลยแม้แต่น้อย
เพราะที่จริงคำตอบมันก็มีอยู่แก่ใจ ... ว่าผมเรียนวิศวะทำไม.. ??
ผมตั้งใจว่าจบมาไม่เป็นวิศวกรแน่ๆ ตั้งแต่อยู่ปี 2 แล้ว
แต่ตอนเด็กผมก็เคยอยากเป็นวิศวกรนะครับ
อยากเรียนโยธา อยากเป็นวิศวกรโยธา
คอยสร้างตึก สร้างถนน สะพาน วางผังเมือง.. โหย เท่จัด..
แต่ความฝันมันค่อยๆ ละลายหายไป
ช่วงที่ผมขึ้นปี 2 และต้องเลือกภาควิชานั้น ผมกลับเลือกไฟฟ้า
ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าต้องทำงานจริงๆ อยากทำเกี่ยวกับสื่อสาร
เพราะดูเป็นสาขาที่ยังหางานง่ายอยู่ และดูกำลังเป็นที่นิยม
... มีคำตอบแบบติดตลกอยู่อันหนึ่ง
ที่ผมมักเอาไว้ตอบคำถามว่าทำไมเลือกเรียนสื่อสาร
ก็คือ นึกว่าจะได้ทำงานสื่อสารมวลชน..
แบบว่า อยากทำงานกะสาวนิเทศอ่ะ.. ฮ่ะๆๆ
... จะให้ผมโทษกระแสแฟชั่นก็ได้ ที่ผมเดินมาถึงจุดนี้
เพราะช่วงนั้นคะแนนการแข่งขันเข้าภาคไฟฟ้ามันสูง
ผมก็เลยอยากลองดู เห็นว่าท้าทายดี.. โก้ดีนะถ้าเข้าได้ ...
แถมรุ่นพี่ทั้งหลายยังมาบอกปาวๆ ว่าเรียนยากนะ อย่าเข้าเลยๆ
ไอ้ผมก็ประสาเด็กดื้อ.. อ้าวแล้วทำไมพี่ยังเรียนกันได้ล่ะ ..ก็เลยเอามั่ง
แล้วก็รู้ซึ้งจนบัดนี้ว่า ยากจริงๆ ว่ะ.. ไม่ได้หลอก..
ไม่รู้คิดผิดคิดถูก ที่เข้าภาคไฟฟ้า และเรียนสื่อสาร
เพราะเรียนไปเรียนมา ผมก็เกิดไม่อยากทำงานเป็นวิศวกรขึ้นมา..
ถ้าบอกว่าคิดผิด..
ผมว่าไม่ใช่คิดผิดตั้งแต่เลือกภาควิชา ไม่ไช่คิดผิดตั้งแต่เลือกคณะ
แต่ผมคิดผิดตั้งแต่การเลือกครั้งแรกเลย
ตอนขึ้น ม.4 ที่เลือกเรียนแผนวิทย์นั่นแหละ..
... สาเหตุที่ผมเลือกเรียนวิทย์ ก็คือเสียดายที่อุตส่าห์เรียนมาตั้งแต่เด็ก
ถ้าจะไปเรียนศิลป์ เรียนแต่ภาษากับสังคม ในแผนวิทย์ก็มีให้เรียนวะ
ถึงจะไม่มากเท่า แต่ก็ดีกว่าจะต้องทิ้งวิชาวิทยาศาสตร์ที่เรียนมาไปหมดเลย
(นี่แค่ส่วนหนึ่งของเหตุผลนะครับ ยังมีอีกหลายอย่าง)
และผมเลือกเรียนวิทย์คอม ก็เพราะไม่ชอบชีวะอ่ะแหละ..
ช่วงนั้นก็เลยเป็นเด็กแปลกๆ ที่ใจรักทางสื่อสารมวลชนนะ แต่เรียนวิทย์
เรียนฟิสิกส์ เคมี ก็ได้เรื่อยๆ เรียนคอมได้เรื่อยๆ..
แต่กลับสนใจวิชาภาษาไทย.. และเรียนเขียนภาพเป็นวิชาเลือก
ผมยังคงใช้เหตุผลอันน้อยนิดในการเลือกคณะ
ผมเข้าวิศวกรรมก็เพราะว่า มันจำเป็นต้องเลือก
ในเมื่อเรียนวิทย์ที่ไม่มีชีวะ และทำคะแนนสอบได้ดี
มันก็ต้องเลือกวิศวะเป็นอันดับแรก ถูกไหมครับ..
ขืนไม่เลือกมีหวังพ่อแม่เอาตาย.. และเพื่อนๆ อาจหมั่นไส้ได้..
ขนาดผมอยากเข้าลาดกระบัง ยังจำต้องเลือกจุฬาเป็นอันดับแรกเลย
ต้องเรียงตามคะแนสูงต่ำนี่เนาะ..
..บางทีชีวิตคนเราก็ขึ้นอยู่กับคนอื่นเหมือนกันแฮะ..
แล้วผมก็บังเอิญติดคณะอันดับหนึ่งที่เลือกไว้
โดยที่คะแนนเกินคนต่ำสุดมานิดหน่อย กำลังสวยงาม
เลือกวิศวะเพราะคะแนนสูง จำเป็นต้องเลือก
เลือกไฟฟ้าก็เพราะคะแนนสูง จำเป็นต้องเลือก
แถมยังเลือกสื่อสารเพราะกำลังนิยมกันมาก จำเป็นต้องเลือก
... คุณว่าผมบ้าหรือเปล่าเนี่ย ...
หลายคนพูดกับผมว่า ก็มึงเรียนเก่งนี่..
คะแนนสูงก็เรียนไอ้อย่างนี้แหละดีแล้ว
ผมไม่ได้เรียนเก่งเลยนะครับ.. ผมขี้เกียจเข้าเรียนด้วยซ้ำไป
แค่บังเอิญคะแนนสอบมันดูดี เพราะไอ้การข่มใจให้ท่องตำราน่ะแหละ
ยังไงก็ไม่ชอบการเรียนอยู่ดี..
ผมบ่นเสมอว่า ทำไมต้องมาทนเรียนในสิ่งที่ไม่อยากรู้เลยสักนิด
... คงผิดที่ผม ที่ไม่เลือกเรียนทางที่ชอบไปให้หมดเรื่องแต่แรก ..
ถึงเวลาที่ผมต้องดื้ออีกครั้งแล้ว
ผมจะไม่ทำงานในสิ่งที่เรียนมา.. ผมจะเปิดร้านขายของ..
... เคยถามหลายคนในคณะ ว่าที่เลือกเรียนคณะนี้เพราะอะไร
มีไม่ถึงครึ่ง ที่บอกว่าเรียนเพราะใจรักทางนี้ จบมาอยากทำงานด้านนี้
ส่วนมากเลือกเพราะคะแนนมันสูง จำต้องเลือก
โดนคาดหวังมาจากทางบ้าน และคนรอบตัว..
... บันทึกวันนี้อุทิศให้กับเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมเดียวกันทุกคน
รวมทั้งเด็กๆ ในวันนี้ ที่ดูท่าทางจะต้องเจอแบบนี้ในอนาคต ด้วยครับ
วอนผู้ปกครอง ขอให้เด็กมันได้คิดเองมั่งเถ้อ.. ว่าอยากทำอาชีพอะไรน่ะ..
นวย