0206
25/10/45 .. เปิดร้าน (๑)
แสดงทั้งหมด

26/10/45 .. โปรเจ็ค ตอนที่สองตอบ: 0, อ่าน: 915

ความเดิมตอนที่แล้ว ผมคุยเรื่องเกี่ยวกับโปรเจ็ค
ว่าผมทำเรื่อง MPEG-4 Videoconference
เล่าที่มาที่ไป ว่าทำไมได้ทำหัวข้อนี้
แล้วก็เล่าถึงความวิกฤต ว่ายังไม่ได้เริ่มลงมือเลย
และเหลือเวลาเพียง 6 สัปดาห์ ต้องส่งงาน...
โดยทิ้งท้ายไว้ว่า คราวหน้าจะมาเล่าเรื่อง MPEG ให้ฟัง...

เรื่องราวเกี่ยวกับ MPEG มันใกล้ๆ ตัวเรานี่เอง
แต่คนทั่วไปก็ยังสับสนอยู่..
ถ้าผมพูดถึงแผ่น VCD และไฟล์เสียง MP3 ทุกคนคงรู้จักดี
นั่นแหละครับ มันก็คือ MPEG
ซึ่งเป็นมาตรฐานขององค์กร ISO

MPEG เป็นมาตรฐานการเข้ารหัสสัญญาณภาพและเสียงดิจิตอล
เริ่มจากมาตรฐาน MPEG-1 ในปี 1992
เป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับจัดเก็บในสื่อดิจิตัล เช่น VCD นั่นแหละ..
อัตราข้อมูลอยู่ในระดับสูงครับ ประมาณ 1.5 Mbps
ก็คือ 1.5 เมกะบิต ต่อข้อมูลวีดิโอ 1 วินาที
แผ่น VCD 1 แผ่น จุประมาณ 650-700 MB ก็เก็บได้ราว 70 นาที
คุณภาพก็ที่เราดูๆ กันอยู่แหละครับ
แม้จะด้อยกว่าม้วนวีดิโอเทปแบบเก่าไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก..
ข้อดีของการบันทึกลงสื่อดิจิตอลก็คือ ความสะดวกในการถ่ายข้อมูล
เราสามารถก๊อปปี้ข้อมูลจาก VCD ไปเหมือนเดิม รวดเร็วและไม่ผิดเพี้ยน
แต่ถ้าเป็นวีดิโอเทป ม้วนที่ก๊อปปี้มาก็ไม่ชัดเท่าต้นฉบับถูกมั้ยครับ..
... ไฟล์ MPEG-1 ในคอมพิวเตอร์ มีนามสกุลเป็น .mpg หรือ .dat

MPEG-2 ในปี 1994 คือมาตรฐานที่ใช้อัตราข้อมูลสูงขึ้นอีกมาก
เอาไว้สำหรับการออกอากาศทีวีดิจิตอล ที่ต้องการคุณภาพมากกว่าเดิม
และใช้เก็บในสื่อ DVD ซึ่งจุมากกว่า VCD หลายเท่าเลย..
คราวนี้อัตราข้อมูลอยู่ที่ 4 ถึง 15 Mbps

มาตรฐานเข้ารหัสภาพและเสียงล่าสุด คือ MPEG-4 (ปี 1998)
คราวนี้หันมาเข้ารหัสที่อัตราข้อมูลต่ำๆ บ้าง
จุดมุ่งหมายก็คือใช้ในคอมพิวเตอร์ ใช้ในระบบที่ความเร็วข้อมูลต่ำ
มาตรฐาน MPEG-4 พยายามพัฒนาให้คุณภาพของภาพและเสียงดีขึ้น
ในขณะที่อัตราข้อมูลต่ำๆ.. ซึ่งเน็ตที่ใช้กันทั่วไป เต็มที่ก็ 56 kbps เอง..
ดังนั้น MPEG-4 จึงเป็นมาตรฐานที่เหมาะสำหรับการประชุมทางคอมพิวเตอร์ครับ..
แต่กระนั้น MPEG-4 ใช้ที่อัตราข้อมูลได้หลากหลาย ตั้งแต่ต่ำมากไปถึงสูงมาก
เรียกว่าทำใหม่ทั้งทีแล้วเอาให้ครอบจักรวาลไปเลย..
อนาคตมาตรฐาน MPEG อาจจะยุบรวมมาเป็น MPEG-4 ล้วนๆ เลยก็เป็นได้
... ถ้าคุณเคยได้ยินคำว่า DivX (ดิฟเอ๊กซ์)
นั่นก็เป็นรูปแบบ MPEG-4 เช่นกัน
ไฟล์วีดิโอ .divx กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยคุณภาพภาพและเสียงที่ดีกว่าเดิม แต่ขนาดไฟล์เล็กลงกว่าเดิม
น่าสนใจไหมล่ะ..

... สรุปนะครับ MPEG-1 ใช้ใน VCD
MPEG-2 ใช้ใน DVD และการออกอากาศ
MPEG-4 ตอนนี้เน้นใช้ในอินเตอร์เน็ต เพราะขนาดไฟล์เล็ก และอัตราข้อมูลต่ำ
... หลายคน (รวมทั้งกรรมการท่านหนึ่ง) ถามผมว่า
แล้ว MPEG-3 หายไปไหนวะ

ผมมั่นใจว่า MPEG-3 ถูกข้ามไป
คงเป็นเพราะคนเราสับสนกับไฟล์ .mp3
คนมักคิดว่า MPEG-1, MPEG-2 แล้วถัดมาก็เป็นเอ็มพีสาม
ที่จริง .mp3 เป็นไฟล์ MPEG-1 ตะหากล่ะ.. เชื่อไหม
.. เท่านั้นไม่พอ ถ้าคุณเคยเห็นนามสกุล .mp2 และ .mp1
นั่นก็เป็นมาตรฐาน MPEG-1 หมดเลย

... เรื่องเป็นแบบนี้ครับ
มาตรฐาน MPEG มันก็มีหลายส่วน
ตั้งแต่ ภาพ, เสียง, ระบบ, การประสานเวลา, ฯลฯ
และไอ้มาตรฐานของเสียงนี่แหละครับ
ใน MPEG-1 มันมีมาตรฐานเสียงที่ใช้ อยู่ 3 แบบ
เรียกว่า MPEG-1 Layer I, Layer II, และ Layer III
... พอเดาออกแล้วนะครับ
ว่าไอ้ .mp3 ก็คือไฟล์เสียงแบบ MPEG-1 Layer III น่ะเอง..
เค้าเลยตั้งนามสกุลว่า .mp3
และด้วยคุณภาพอันเยี่ยมยอดของมัน ที่ให้เสียงดีแม้อัตราข้อมูลจะต่ำ
ก็เลยถูกเอามาใช้ในการจัดเก็บเสียงเพลงต่างๆ

และคนไทยก็หัวใส
เอาอัลบั้มหลายๆ อัลบั้มมารวมกันใน CD 1 แผ่นสบายๆ..
แล้วก็เป็นเรื่องเป็นราว กระทบวงการเพลงไทยอย่างหนักหน่วง
ใครไม่รู้พูดไว้ว่า เทคโนโลยีเป็นดาบสองคม
ยิ่งพัฒนาไปไกลเท่าไหร่ มันก็ยิ่งถูกเอามาใช้ในทางที่ผิดมากเท่านั้น
อ๊ะ อย่าบอกว่าคุณไม่เคยใช้แผ่น mp3.. ผมเองก็เคย..
แต่เลิกมาปีกว่าแล้วล่ะ..
รู้สึกชีวิตดีขึ้น และฟังเพลงเพราะขึ้นเยอะเลย :]
นวย 26/10/2002 21:38 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ