0192
10/10/45 .. โลกยังน่าอยู่
แสดงทั้งหมด

11/10/45 .. ปกหนังสือกับนายดูดตอบ: 0, อ่าน: 8176

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้โอกาสคุยกับเพื่อนทาง msn เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทำให้ผมเลื่อมใสในตัวเขามากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
เพื่อนคนนี้เป็นมนุษย์ซึ่งเรียนจบแล้ว มีศิลปะในหัว
และยึดการทำเพลงเป็นอาชีพหลัก
เขาเป็นแกนนำสำคัญของฝ่ายดนตรีในกลุ่ม monotone
เป็นคนที่สร้างงานเพลงที่ฟังดูดีได้หลายสไตล์ในเวลาอันจำกัด
คุณอาจจะเคยได้ฟังเพลงของเขามาบ้างแล้ว
เพลงในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาซึ่งใช้ชื่อศิลปินว่า monotone
บอกได้เลยว่าตรงมาจากห้องนอนเขา ตั้งอยู่ในซอยหนึ่งย่านสุขุมวิท
เขาชื่อ กิจจาซ

กิจจาซพยายามหาคนแต่งเนื้อเพลงให้อยู่ เพื่อเอาไปใส่ทำนอง
ซึ่งก็ตรงข้ามกับผมเลย เพราะผมต้องการคนที่มีทำนองว่างๆ
ผมจะได้เอามาแต่งเนื้อ
คุณอาจจะคิดว่า อ๊ะ งั้นทำไมไม่ร่วมงานกันเลยล่ะ ผมกับกิจจาซ
ก็เพราะว่า กิจจาซเชื่อว่าเนื้อร้องต้องมาก่อนทำนอง จะได้ลื่นไหลไม่ขาดตอน
แต่ผมเชื่อว่าทำนองต้องมาก่อนเนื้อร้อง จะได้แต่งวรรณยุกต์ให้ลงตัว
ถึงกระนั้นเราก็เคยแต่งเพลงด้วยกันมาบ้าง 2-3 เพลง สมัยมัธยม

กิจจาซบอกว่า หาคนที่มีเนื้อร้องเปล่าๆ ยากจัง
ไม่อยากใช้เนื้อร้องจากคนที่แต่งและคิดเมโลดี้คร่าวๆ อยู่แล้วในหัว
เพราะการเอาเนื้อของเขามาใส่ทำนองใหม่ อาจจะทำให้เจ้าของอึ้งได้
ไม่อยากไปเปลี่ยนแปลงงาน หรือความคิดของคนอื่นให้เกิดการหงุดหงิด
เหมือนดูถูกความคิด ดูถูกไอเดียกัน

ตอนหนึ่งในการสนทนา กิจจาซพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
... ที่เราอยากได้เนื้อเปล่าน่ะ เป็นเพราะว่าเราไม่อยากก้าวก่ายทำนองคนอื่นไงล่ะ
ยิ่งเวลาที่คนแต่งเนื้อ คิดไว้ว่าอยากให้ทำนองเป็นไง แล้วปรากฎว่า
เราเอามาแต่เนื้อเปล่าๆ แล้วเราก็ทำของเราออกมาเอง
มันออกมาคนละเรื่องกับที่คนแต่งเขาคิด มันจะรู้สึกไม่ดีไง
แบบว่าไม่อยากก้าวก่าย จินตนาการ
ก็เลยอยากหาคนที่แต่ง เนื้อเปล่า จริงๆ คือเปล่าประเภท
ไม่จำเป็นต้องคิด melody มาก่อน อะไรงี้อ่ะ ...

นั่นแหละครับ ที่ทำให้ผมเลื่อมใสในตัวเขามากขึ้นอีก
ใส่ใจในความรู้สึกของคนอื่น แบบนี้ถึงจะเข้าท่า
มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ
ถ้าไม่กี่วันมานี้ผมจะไม่บังเอิญเจอมากับตัว
... ผมโดนก้าวก่ายจินตนาการเข้าอย่างจัง


เรื่องมันต่อเนื่องจากบันทึกวันก่อน
ที่เกี่ยวกับการขโมยรายงานน่ะครับ ยังจำได้ไหม
วิชาโทรศัพท์เคลื่อนที่ อาจารย์สั่งให้ทั้งห้องร่วมกันทำหนังสือ 1 เล่ม
พิมพ์กันจริงๆ จังๆ จากโรงพิมพ์ เพื่อแจกในงานจุฬาวิชาการปลายปีนี้
ทั้งห้องก็เลยตกลงแบ่งกลุ่มกัน
เพื่อหาข้อมูลและเขียนเป็นรายงาน กลุ่มละหัวข้อ
ก็ที่เพื่อนผมทำมาอย่างตั้งใจ และหมายจะเอาเรื่องนี้ไปส่งในอีกวิชาด้วย
แต่กลับโดนคนที่ทำหน้าที่รวบรวมและจัดรูปเล่ม แย่งเอาไปส่งเสียก่อน
เรื่องนั้นแหละครับ..
อ้อ.. สมมติว่าคนรวมเล่มมันชื่อ นายดูด ก็แล้วกัน..

เรื่องมีอยู่ว่า ผมเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลพิเศษ
คือไม่ต้องอยู่ในกลุ่มเขียนรายงานค้นคว้า
เพราะผมเองขอมีหน้าที่ออกแบบ และทำปก
(ที่จริงอยากทำรูปเล่มด้วย แต่นายดูดเขาแย่งไปก่อน ไม่ว่ากัน)
เป็นไงครับ สบายกว่ากันเยอะ แค่ทำปกเอง
ความฝันที่จะมีหนังสือของตัวเองใกล้เป็นจริง แม้จะได้ทำแค่ปกก็เหอะ

ปกที่ผมออกแบบมา เป็นสีส้มสดใสครับ
หน้าปกเป็นสีพื้นสีส้ม มีตัวหนังสือแค่ 2 บรรทัดตรงมุมขวาล่าง
ส่วนด้านหลังไอ้นายดูดบอกว่า ทำคล้ายๆ ปกหลังของหนังสือการ์ตูนนะ
ที่แบ่งเป็นบริเวณขาวๆ แถบซ้ายสักซีกหนึ่ง จะได้ไว้เขียนอะไรเท่ๆ ซึ้งๆ
เอ้า ผมก็ตามใจ ไม่ว่าอะไรอีกที.. อย่างน้อยตูได้ออกแบบปกหน้าล่ะวะ

และแบบปกที่ผมเอาไปแสดงในห้องเรียน
ต่อหน้าเพื่อนๆ รวมทั้งรุ่นพี่ปริญญาโท และอาจารย์ประจำวิชา
เป็นแบบนี้ครับ



มีหลายคนติงมาว่ามันดูเรียบเกินไป
แถมสีส้มก็เหมือนเชียร์ออเร้นจ์มากไปไหม
ผมตอบว่า เรียบๆ แต่คมๆ แบบนี้สิครับถึงจะดี ดูได้นานไม่เบื่อ
และที่ว่าเชียร์ออเร้นจ์น่ะก็เปล่านะ ผมจะไปได้อะไรกับเขาล่ะ
ก็แค่ผมชอบสีส้มเท่านั้นเอง (จะทำไม..)
คือถ้าดูให้ดี ทั้งออเร้นจ์ ดีแทค (ดีไลท์) และจีเอสเอ็ม
สามเจ้านี้ก็มีโลโก้เป็นสีเดียวกัน คือสีส้มและสีออกเหลืองๆ
อย่างงี้จะว่าผมลำเอียงอีกรึเปล่าเนี่ย..



สรุปแล้ว ทั้งห้องก็ยกมือสนับสนุนผมกันอย่างคับคั่ง
แทบจะทุกคนในจำนวนเกือบ 60 คน เห็นชอบให้ปกนี้ผ่าน
โดยไม่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ทว่าผมลืมไป..
นายดูดไม่ได้เข้าเรียนวันนั้น !!

ป.ล. ตอนหลังผมเกิดคันไม้คันมือ เติมอะไรลงไปในสีพื้นนิดนึง
คิดว่าน่าจะดูดีขึ้น เป็นแบบภาพด้านล่างนี้ครับ




ทีนี้ พอนายดูด ในฐานะของคนทำรูปเล่ม มาขอผมดูแบบปก
ผมก็เปิดในคอมพิวเตอร์ให้ดู
คำแรกที่นายดูดพูดคือ ทำไมต้องสีส้ม เปลี่ยนสีได้ไหม ไม่สวยเลย
ทำเอาผมสะอึก...
...ผมบอกว่าทั้งห้องเขาเห็นชอบแล้ว ผ่านที่ประชุมแล้ว
ยังจะให้มาเปลี่ยนสีทำไมอีก
เขาไม่ยอมเปลี่ยนใจ แต่บอกว่า ไว้ปิดเทอมค่อยว่ากันใหม่

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขามากระซิบบอกผมว่า
เปลี่ยนปกเป็นสีเลือดหมูเถิดนะ (สีประจำคณะ) สวยดี
แบบหลังสือที่คณะทำแจกแทบทุกเล่มน่ะ พอนึกออกไหม
ผมบอกนึกออกสิวะ เออ เดี๋ยวเปลี่ยนให้
แม้จะตอบไปแบบนั้น แต่ในใจผมกระโดดถีบหน้าไอ้นายดูดไปสองทีแล้ว
ถ้าคุณต้องการแบบนั้นแล้วทำไมไม่ทำเองซะเลยหมดเรื่องล่ะครับ
สีเลือดหมูมันเกี่ยวอะไร มันสวยมั้ยนั่นน่ะกับปกหนังสือโทรศัพท์เคลื่อนที่
สีเลือดหมูไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
เขายังยกข้อหาเดิมมาว่า สีส้มมันเชียร์ออเร้นจ์เกินไป
ถามหน่อยว่าเชียร์แล้วได้อะไร ผมเองใช้โทรศัพท์ออเร้นจ์หรือก็เปล่าเลย
หนังสือนี่ทำแจกในงานเล็กๆ จะมีคนเห็นปกซักกี่คน
แล้วเห็นปุ๊บจะรีบไปซื้อออเร้นจ์ใช้เลยหรือก็เปล่า



เรื่องของเรื่องก็คือ ผมชอบสีส้ม และเขาไม่ชอบ
เขาบ้าคณะ เขาชอบสีเลือดหมู และอยากให้ทำปกแบบเครียดๆ
แบบปกหนังสืองานคณะ มีคำโปรยเท่ๆ ที่อ่านแล้วดูดีแค่รอบแรก
ผมทนไม่ได้นะ ถึงจะรับปากไปแล้วว่าจะเปลี่ยนก็เถอะ
ตอนนั้นแค่คิดว่าไม่อยากทะเลาะกัน
แต่ตอนนี้ พอคิดว่าปกจะเปลี่ยนเป็นสีเลือดหมู
มีคำโปรยที่คิดว่าเท่ๆ เกี่ยวกับความรักคณะ อยู่ซีกซ้ายของปกหลัง
ผมว่า ผมยอมเอาชื่อตัวเองที่เขียนว่าออกแบบและทำปก ออกไปเลยดีกว่า
มีส่วนไหนออกมาจากสมอง และความเห็นชอบของผมมั่งเนี่ย

นี่ล่ะครับ เรื่องราวการดูถูกความคิด
ระหว่างนายดูดและตัวผมเอง
นายดูดที่จิตใจฮึกเหิมรักคณะ และไม่ชอบสีส้ม
กับผมเอง ที่ต่อหน้ารับปากหมดแต่ชอบเอาเรื่องมาบ่นลับหลัง
และก็ ชอบสีส้ม : ]
นวย 11/10/2002 10:40 
สามารถใส่ html tag โดยใช้เครื่องหมาย { } แทน < >      
ความเห็น : 
จาก : : รหัส
(อีเมล/เว็บไซต์) : อัพโหลดรูป/ไฟล์
ถ้าไม่มีรหัสประจำตัว กรุณาใส่ "เลขหนึ่งสี่ตัว" ด้วยครับ