โดย I.N.K.
จาก MYR เล่ม 5 - 8 (มกราคม 2541) หน้า 10 - 12
บังเอิญไปเจอเรื่องราวเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนไว้
ลงในนิตยสารที่ทำเล่นกับเพื่อนๆ เมื่อ 5 ปีก่อน
อ่านแล้วสนุกดี รู้สึกว่าไอ้หนุ่มคนนี้ความคิดมันไม่เลว
เสียดายที่ตอนนี้แทบไม่ได้ใช้สมองสำหรับงานเขียนแบบนั้นอีก
ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะเอามาแบ่งกันอ่าน
อ่านแล้วไม่ต้องคิดมากนะครับ ..
21. ถูกหาว่าทำเลว ทั้งๆ ที่ทำดี
คนเราที่ใครๆ เค้าจะว่าเลวเพียงไหน ก็ต้องเคยทำดีกันทุกคน
แต่บางคน ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่มีใครชม
กลายเป็นว่าชีวิตมีเพียงด้านเดียว ดังนั้น...
วิธีแก้ไข : ถามปรัชญาดูละกัน ...
22. ใครทำฉัน ฉันทำกลับ
ตอน ป.5 ป.6 ผมมีเพื่อนอยู่คนนึงที่นั่งติดกันในห้องเรียน
ซึ่งก็เป็นคนประเภทนี้พอดี
บังเอิ๊ญบังเอิญผมเอาปากกาไปโดนแขนเค้าเข้า
รู้ไหมครับว่าเขาทำยังไง
เค้าเอาไม้บรรทัดมาวัดรอยขีดแล้วก็ขีดแขนผมให้เหมือนๆ กันบ้าง
ถึงผมจะบอกว่าไม่ตั้งใจๆ ก็เหอะ
แต่เพื่อไม่ให้ตะขิดตะขวงใจ ก็เลยต้องยอมๆ ยื่นแขนให้เค้าขีดมั่ง
แล้วไม่ใช่ว่าจะเผลอไปโดนแค่ครั้งเดียวซะเมื่อไหร่
นั่งด้วยกันทั้งปี ผลัดกันขีดแล้วก็มานั่งถูๆ ลบๆ อยู่นั่น เวรกรรมจริงๆ...
... จากนั้นมาผมก็รำคาญมาก ไอ้คนอย่างนี้
เพราะผมเป็นคนซุ่มซ่ามไง อย่ามาใกล้ๆ ละกันไอ้คนอย่างงี้
ลองคิดดูเล่นๆ ถ้าคนแบบใครทำฉันฉันทำกลับ มาเจอกัน 2 คน
อะไรจะเกิดขึ้น ... ไม่เอากันตายเลยเรอะ ... สงบจิตสงบใจบ้างนะโยม...
23. ใครเป็นยังไงไม่สนใจ ลองฉันโกรธฉันอาละวาดเลย
คำจำกัดความชัดเจนมากแล้ว
พวกนี้ธรรมดาก็ดูปกติ แต่จะพิเศษตรงที่โกรธง่ายกว่าคนอื่นหน่อย
เมื่อเวลาโกรธแล้วจะสังเกตง่าย
พอมีใครทำอะไรขัดใจ หรือพอโกรธใครมาจะมีอารมณ์รุนแรง
เริ่มจากก้มหน้า ..หน้าต้องบึ้ง หายใจแรงฟืดฟาด หอบเหนื่อย
และจะนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมีใครมากระทบหรือทำอะไรขัดใจ
ยั่วโมโหอีกทีไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เท่านั้นแหละ ระเบิดทันทีครับ ... ตูม...
ใครเข้าใกล้กูกัดไม่เลือก ใครไม่เข้าใกล้กูก็พังของแถวๆ นี้ล่ะวะ
ให้มันรู้ซะมั่ง ...
24. ถ้าทำงี้ ฉันต้องดูเท่แหงมๆ
ไอ้การตามกระแสแฟชั่นน่ะ มันเลิกไม่ได้ก็จริงอยู่
แต่บางคนที่ตามกระแสเพราะอยากเท่กะเขามั่ง
แล้วกลับดูน่าขำน่าสมเพช ก็มีเยอะไป ทำไมเราจะต้องไปตามกระแสด้วย
อยากเป็นแบบคนโน้นคนนี้
ทำไมเราไม่ทำตัวให้คนอื่นๆ อยากเป็นแบบเราบ้างล่ะ
25. ขออวดซะหน่อย
คนขี้อวดก็ไม่ดี ถึงบางครั้งก็ควรจะอวดบ้างไม่งั้นเก็บกดตายเลย
และบางทีผมก็ชอบอวดบ้าง
แต่ถ้าอวดอะไรบ่อยๆ เข้า คนอื่นก็เบื่อได้เหมือนกันนะ
แล้วจะพาลสร้างความน่าหมั่นไส้ซะเปล่าๆ
เรามีดีอะไรไม่จำเป็นต้องไปบอกคนอื่นเค้าซะหมด
... รอให้เค้ารู้เองจะไม่ดีกว่าหรือ...
26. นิสัยตื่นตูมของพี่ไทย
เอกลักษณ์ของชาวไทย นอกจากจะมักเมาแล้ว
อีกอย่างที่ไม่เป็นรองชาติไหนๆ เลยก็ไอ้นิสัยตื่นตูมนี่แหละ
มีอะไรบูมหน่อย ฮิตหน่อยเป็นไม่ได้ เราต้องเอากะเค้ามั่ง
เดี๋ยวถูกหาว่าเชย
ถ้ายังไม่เห็นภาพพจน์ จะขอยกตัวอย่างที่ชัดๆ มาอ้างไว้
โดยเฉพาะการตื่นตูมของสื่อต่างๆ เช่น
พอมีข่าวเด็กญี่ปุ่นเกิดอาการชักและอาเจียนเป็นแถวๆ
เพราะรับแสงที่จ้าเกินไปจากการชมการ์ตูนโทรทัศน์ (Pokemon)
เท่านั้นแหละ พี่ไทยเราเอาเลย
นักวิชาการ โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ พัดลม ทุกแขนงโผล่มาคุย
มาวิเคราะห์วิจารณ์กันยกใหญ่
เล่นกันถึงขนาดบอกว่าเด็กติดการ์ตูนเพราะ-
ผู้ปกครองไม่มีเวลาเอาใจใส่เลี้ยงดู ... ไปถึงโน่น
ผู้ปกครองไทยก็ตื่นตูม สั่งให้ลูกหลานงดดูการ์ตูน
และรีบให้ความอบอุ่นกันยกใหญ่ อะไรจะปานนั้นครับ
...แต่พอไม่กี่วันต่อมา -- ก็ลืมแล้ว...
27. ไม่รู้แล้วทำพูด
ไอ้บางเรื่องน่ะ พี่รู้ดีมากกว่าผมพี่ก็เล่าให้ฟังได้ โอเคเลย
แต่บางที บางเรื่องที่พี่มาอธิบายเนี่ย ผมรู้ดีกว่าพี่อีก
พี่เล่นมามั่วให้ผมฟังเฉย แบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ
ยอมๆ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้เหอะคงไม่เสียฟอร์มมากนักหรอกน่า
คนเรามันจะไปเชี่ยวอะไรซะทุกเรื่องจริงมั้ย
ไอ้ที่เขียนนี่ไม่ได้จะมายกยอตัวเองหรอก แต่อยากจะให้รับรู้ว่า
บางทีอยู่นิ่งๆ ซะจะดีกว่าปล่อยอะไรออกไปอีก
บางคนงี้พูดเป็นตุเป็นตะ ไม่รู้จะขัดยังไงเลย
28. พวกค้ากำไรเกินควร
ถ้าเป็นของดีๆ จะไม่ว่าเลย ยังทำใจให้ชอบได้
แต่นี่เอาของห่วยของเลียนแบบ ของไร้สาระมาอวดอ้างสรรพคุณซะเว่อร์
ขายแพงๆ โก่งราคา ใช้ไม่กี่ทีก็เน่า อย่างงี้มันก็เสียอารมณ์เหมือนกันอ่ะ
แถมเสียดายตังค์ด้วย เหมือนซื้อมาโยนทิ้งถังขยะเปล่าๆ ปลี้ๆ ...
(รายละเอียดของสินค้าแบบนี้ อ่านได้ในบทความ “ของห่วย”)
29. วัวลืมตีน
คือคนที่เมื่อได้ดิบได้ดีไปแล้วลืมกำพืด (ที่มา) ขอตัวเอง
กลับไปดูถูกเหยียดหยามอีก ประเภทว่าถีบหัวส่งอะไรเงี้ย ผมเกลียดจริงๆ
รับรองว่าผมไม่ทำอย่างงี้เด็ดขาด
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะได้ดีกะเค้ารึเปล่าน่ะสิ
ก็เรามันคนเฉื่อยแฉะนี่ฝ่าเนอะ
(คุณเคยเป็นรึเปล่า แบบไอเดียเยอะ โปรเจ็คโครงการล้านแปด
แต่คิดแล้วทำไม่ทัน อย่างงี้เรียกจุดไฟไว้เผาตัวเองเปล่าๆ)
30. อื่นๆ ___________________
(ให้คุณเติมเองบ้าง เราจะได้ใจตรงกัน)
สรุป ที่กล่าวมาทั้งหมดตั้งแต่เกลียดมากภาคแรก จนถึงบรรทัดนี้
ก็มีจุดประสงค์เพียงแค่เล่าให้ฟังว่าสิ่งที่ไม่ดีน่ะมีอะไรๆ บ้าง
ระบายออกมาแล้วค่อยยังชั่ว (ค่อยยังดี) ขึ้นหน่อย
หากบางข้อความไปกระทบใจใครเข้าก็ต้องขออภภัยด้วยนะครับ
ให้เข้าใจว่าเขียนให้อ่านเล่นเพลินๆ แค่นั้น
ใช่ว่าผมจะมีดีวิเศษวิโสมาจากไหน
แต่ถ้าอ่านแล้วถูกใจ ก็ถือว่ายังไม่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียวล่ะเอ้า...
--------------------------------------------
เกี่ยวกับเรื่องนี้ :
เป็นภาคต่อของเรื่องที่แล้ว มีความรุนแรงมากขึ้นนิดหน่อย
ซึ่งก็เริ่มทำให้ผมรู้ตัวว่าชอบเขียนระบายอารมณ์มากกว่าเขียนให้ตลก
ไม่แน่ชีวิตผมตัวจริงลึกๆ อาจจะเป็นคนซีเรียสก็ได้นะ : ]
นวย